ผ่าอาณาจักร ‘มอนท์เอซัวร์’ ลักชัวรี มิกซ์ยูส ภูเก็ต ทุนไทย-เทศ 1.5 หมื่นล.

18 ต.ค. 2563 | 03:54 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ต.ค. 2563 | 11:30 น.

บิ๊กโปรเจ็กต์ “มอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต” ลักชัวรี มิกซ์ยูส แปลงใหญ่ บนหาดกมลา ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดินร่วมกันระหว่างกลุ่มคนไทยและต่างชาติ มูลค่าการลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท มีหลายโครงการเกิดขึ้นแล้ว และอีกหลายโครงการที่จะเกิดขึ้น

        การพัฒนาอาณาจักร ลักชัวรี มิกซ์ยูส บนพื้นที่ 454 ไร่ ณ หาดกมลา จ.ภูเก็ต ของ “มอนท์เอซัวร์” มูลค่าโครงการกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนาไปแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายโครงการ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% แต่หลังจากเกิดโควิด-19 จะส่งผลอย่างไร อ่านได้จากการเปิดใจของ นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการผู้จัดการ โครงการมอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต

เศรษฐพล บุตรโท

ลงทุนเอง 2 โครงการ

        การพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 454 ไร่ ของ มอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต  ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จากเป้าหมายของการพัฒนา ที่มีความชัดเจนตามมาสเตอร์แพลนที่วางไว้ ว่าจะเป็น โครงการ “ลักชัวรี มิกซ์ยูส” ที่จะประกอบไปด้วย เรสซิเด้นท์แบบมีแบรนด์, โรงแรมหรู, ร้านอาหารชั้นนำ, บีชคลับระดับโลก, เวลเนส เรสซิเด้นท์ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางระหว่างการพัฒนา

         จึงทำให้วันนี้เกิดการพัฒนาพื้นที่ไปแล้ว รวมถึงกำลังพัฒนารวมกว่า 70% จากจุดเริ่มต้นของโครงการ “มอนท์เอซัวร์” เกิดขึ้นจากการร่วมทุนของ 3 กลุ่มบริษัทอสังหาฯชั้นนำในเอเชีย ทั้งกลุ่มนารายณ์ (ไทย), Arch Capital (ฮ่องกง) และ Philean Capital (สิงคโปร์) ที่ได้ทยอยเข้ามาซื้อที่ดินตั้งแต่เมื่อ 8-9 ปีก่อน โดยมีทั้งแปลงที่ดิน 19 ไร่ ติดหน้า หาดกมลา ยาว 250 เมตร และที่ดินบนเขา  ซึ่งมีถนนกั้น แต่สามารถเดินทางเชื่อมถึงกันได้โดยผ่านอุโมงค์ใต้ดิน

ผ่าอาณาจักร ‘มอนท์เอซัวร์’ ลักชัวรี มิกซ์ยูส ภูเก็ต ทุนไทย-เทศ 1.5 หมื่นล.

       ทั้งนี้ด้วยที่ดินขนาดใหญ่ การจะลงทุนเองทั้งหมด  ไม่มีทางที่จะสร้างอาณาจักรมิกซ์ยูส  เพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวและการลงทุนในภูเก็ต ขึ้นมาได้อย่างเร็วเร็วขนาดนี้ แต่เราใช้เวลาราว 5 ปี สร้างให้เกิดขึ้นมาได้ โดยใช้กลยุทธ์การพัฒนาพื้นที่ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ

        รูปแบบแรก คือ 1.การพัฒนาพื้นที่และลงทุนโดยมอนท์เอซัวร์ เอง โดยเราเริ่มทยอยลงทุน “ทวินปาล์ม เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์” เป็นโครงการแรก โดยเป็นคอนโดมิเนียม สูง 3 ชั้น พื้นที่ 9 ไร่ ติดหน้าหาด จำนวน 75 ยูนิต ขนาด 1-2 ห้องนอน จนถึงปัจจุบันมียอดขายได้แล้ว 70-80% คาดว่าจะปิดการขายได้ในปลายปี 2564

ทวินปาล์ม เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์

        ล่าสุดเราอยู่ระหว่างพัฒนา “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์” 236 ยูนิต บนพื้นที่ 22 ไร่ บนเรสซิเด้นซ์ฝั่งเขา ที่เราเพิ่งเริ่มเปิดขาย ราคาโปรโมชันเริ่มต้นที่ 6.5 ล้านบาท ที่ขณะนี้ขายได้แล้วกว่า 30%

เอ็มแกลเลอรี เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์

        โดยทั้ง 2 โครงการนี้ ผู้ซื้อสามารถนำห้องพักมาให้เราบริหารเป็นโรงแรม แลกกับตอบแทนที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5-7% ต่อปี ซึ่งเราได้ดึงแบรนด์โรงแรมชั้นนำ เข้ามาบริหาร โดยดึงแบรนด์ ทวินปาล์ม ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดยุโรป และมีจุดแข็งเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม และดึงแบรนด์ เอ็มแกลเลอรี (ระดับ 5 ดาว) ของ แอคคอร์ เข้ามาบริหาร ในโครงการเอ็มแกลเลอรี เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์ ซึ่งจะเป็นแบรนด์ เอ็มแกลเลอรีแห่งแรกในไทยด้วย โดยเรามีรายได้จากยอดขายในทั้ง 2 โครงการน่าจะอยู่ที่ราว 4 พันล้านบาทแล้ว

ขายที่ดึงพันธมิตรลงทุน

            ส่วนรูปแบบที่ 2 คือ การขายที่ดินให้พันธมิตรเข้ามาลงทุน แต่การลงทุนต่างๆจะอยู่ภายใต้มาสเตอร์แพลนที่เราวางไว้ตั้งแต่แรก เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็น ลักชัวรี มิกซ์ยูส โดยปัจจุบันเราขายที่ดินให้พันธมิตรทำโครงการไปแล้วหลายโครงการ โดยมีโครงการที่ลงทุนและเปิดให้บริการไปแล้ว อย่าง โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ซึ่งเป็นการลงทุนของ พราว กรุ๊ป, คาเฟ่เดลมาร์ ซึ่งเป็นบีชคลับชื่อดังของสเปน แต่ตอนนี้ยังปิดให้บริการอยู่เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19

ผ่าอาณาจักร ‘มอนท์เอซัวร์’ ลักชัวรี มิกซ์ยูส ภูเก็ต ทุนไทย-เทศ 1.5 หมื่นล.

            ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของพันธมิตรของอีกหลายโครงการ อาทิ โรงแรม เมอเวนพิค กมลา บีช ภูเก็ต  ของบมจ. บูทิค คอร์ปอเรชั่น, โครงการโอเทียม ลิฟวิ่ง ภูเก็ต ซึ่งเป็นเรสซิเด้นท์รองรับผู้สูงอายุ ที่เป็นการลงทุนของ กลุ่มนายน์ เอสเตท, บมจ.ชีวาทัย,แอลพีเอ็น, บมจ.ช.การช่าง

            ในส่วนพื้นที่ซึ่งเหลืออีกราว 30 ไร่ หรือราว 100 กว่าไร่ ที่เรายังไม่ได้พัฒนา  ก็มองว่าในช่วงปี 2565 หรือในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ก็คงน่าจะเห็นการพัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งก็หนีไม่พ้นการพัฒนาในระดับ 5 ดาว ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนด้านเวลเนส หรือ รีทรีต รีสอร์ต ก็ได้ โดยก็มองทั้งโครงการที่เราพัฒนาเอง หรือการขายที่ดินให้พันธมิตรมาพัฒนา อย่างไรก็ตามแม้ที่ดินที่เรายังไม่ได้พัฒนา จะทำให้ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นจากภาษีที่ดินใหม่ แต่เราคำนวณแล้วไม่ถึงงั้นน่ากังวล  และในปีนี้ภาครัฐก็ยกเว้นการชำระภาษีที่ดินให้ 90% 

ต่างชาติมองไทยบ้านหลังที่ 2

            สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่าการที่ลูกค้าต่างชาติยังเข้ามาประเทศไทยไม่ได้ และการล็อกดาวน์ของจ.ภูเก็ตเองก่อนหน้านี้ ก็อาจจะทำให้การลงทุนของพันธมิตรทางโครงการอาจจะหยุดชะงักและล่าช้าไปบ้าง อย่างโครงการโรงแรมเมอเวนพิค กมลา บีช ภูเก็ต 

ผ่าอาณาจักร ‘มอนท์เอซัวร์’ ลักชัวรี มิกซ์ยูส ภูเก็ต ทุนไทย-เทศ 1.5 หมื่นล.

       ส่วนการขายใน 2 โครงการที่มอนท์เอซัวร์ ลงทุนตั้งแต่ช่วงโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน โครงการเอ็มแกลเลอรี เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์ มียอดขาย 15 ยูนิต มูลค่า 120 ล้านบาท โครงการ ทวินปาล์ม เรสซิเด้นซ์ มอนท์เอซัวร์ มียอดขาย 5 ยูนิต มูลค่า 150 ล้านบาท โดยเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่ไม่สามารถมาชมสถานที่จริงได้ประมาณ 80% และลูกค้าชาวไทย 20%

            โดยแต่สิ่งที่เราเห็น คือการติดต่อมาของลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์และออนไลน์ เรียกได้ว่าความสนใจในอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชาวต่างชาติเริ่มตระหนักถึงการมีบ้านหลังที่ 2 ในสถานที่ที่ปลอดภัยและยังคงความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียง ที่มีเที่ยวบินตรงมาภูเก็ต หรือประเทศที่คุ้นเคยกับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดี อย่าง จีน รัสเซีย และออสเตรเลีย เป็นต้น

            เราเข้าใจว่าลูกค้าเกือบทุกคนอยากมาเห็นสถานที่จริงก่อนการตัดสินใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์แต่ละครั้ง การตัดสินใจในขณะที่เรายังปิดเกาะอยู่อาจเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรามีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ตัดสินใจผ่านทางโทรศัพท์ การดูสถานที่ตั้งโครงการ สภาพแวดล้อมจาก VDO call การซื้อเพิ่มจากลูกค้าเก่า ความสนใจที่เพิ่มขึ้นของเอเย่นต์ที่ต้องการเสนอโครงการที่เชื่อถือได้จริงๆ

            ดังนั้นทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ เรียกว่าประคับประคอง ใครวางแผนดี มีความมั่นคง ก็จะผ่านไปได้ วิกฤตเศรษฐกิจเราผ่านกันมาหลายครั้ง ครั้งนี้อาจจะแตกต่างตรงที่กระทบไปทั่วโลกจริงๆ ถ้าจะพูดถึงการเริ่มฟื้นตัวของภูเก็ต อย่างเร็วน่าจะไตรมาส 4 ปีหน้า 2564 ปีนี้ไม่น่าจะทัน เพราะสถานการณ์หลายประเทศยังไม่แน่นอน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ลูกค้าที่มีการลงทุนต้องมองกันระยะยาว 5 ปีขึ้นไป แต่สุดท้ายยังไงตลาดก็จะกลับมา ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพในสายตานักลงทุน โครงการที่ติดชายหาดมีราคาเพิ่มขึ้นในทุกๆประเทศ ภูเก็ตถือว่าราคายังน่าดึงดูดมากถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ในต่างประเทศ ไม่นับที่เราเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลกอีกด้วย

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,614 วันที่ 1 - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
มอนท์เอซัวร์ดึงแอคคอร์ เปิดตัว “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์” แห่งแรกในไทย
‘ลิปตพัลลภ’ รุกโรงแรมหรูภูเก็ต ปักธงโปรเจ็กต์หมื่นล้านมอนท์เอซัวร์ดึงอินเตอร์คอนฯบริหาร
พราว กรุ๊ป ทุ่ม7พันล้าน ปั้นแลนด์มาร์กใหม่ภูเก็ต​​​​​​​