นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดใจถึงแผนการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในปี2564 ภายใต้เป้าหมายการสร้างรายได้รวมด้านการท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท
+ดันรายได้ปี 64 แตะ 1.2 ล้านล้านบาท
จากโควิด-19 ที่เกิดขึ้น องค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) คาดว่าจะส่งผลให้การท่องเที่ยวทั่วโลกในปี63 เสียหายไม่ต่ำกว่า 7.3 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ และการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ จะยังไม่ฟื้นมาจนกว่าจะถึงไตรมาสที่ 4 ของ ปี 64 และการแพร่ระบาดของโควิด ระลอกใหม่ทั่วโลก รวมถึงไทย ก็ยังเป็นคงเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านการท่องเที่ยวหลักอยู่
สำหรับเป้าหมายในการทำงาน ของททท.ในปี 64 เราจะขยับรายได้จากการจากการท่องเที่ยว ที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 832,400 ล้านบาทในปี 63 ขยับขึ้นมาเป็น 1.2 ล้านล้านบาทในปี 64 โดยมาจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 700,000 ล้านบาท และต่างชาติเที่ยวไทย 10 ล้านคน สร้างรายได้ 5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ใน64 แม้จะมีเรื่องของวัคซีน แต่การจะมีวัคซีน ไม่ได้หมายความว่าประเทศใดประเทศหนึ่งได้มีวัคซีนแล้วคนจะเดินทางไปปกติ การเดินทางระหว่างประเทศจะกลับมาเป็นปกติ หมายถึงว่าเราจะต้องเอาชนะ โควิด 19 ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทุกประเทศควรจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70-80 % เพื่อทำให้คนอยากเดินทางมาเหมือนเดิม
การอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ก็มีรายงานเรื่องที่จะต้องเอามาใช้ ไม่ใช่เป็นผลสำเร็จทำอันใดอันหนึ่งแล้วจะประสบความสำเร็จต้องเอาหลายๆ อย่างมาประกอบ ที่ทำให้เกิดการเดินทาง ส่วนสุดท้ายที่ส่งผลต่อการเดินทางระหว่างประเทศ ก็คือนโยบายของประเทศ ต้นทางที่อนุญาตให้ออกนอกประเทศหรือไม่
ททท.มองว่าการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 ตอนนี้เราเริ่มที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เขากลับเข้ามา และด้วยสภาพอากาศเมืองความร้อน ก็ทำให้ไทยเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวอยากเข้ามาเที่ยวในช่วงซัมเมอร์
+ลดพึ่งต่างชาติอัพเที่ยวในประเทศ
เราพยายามลดการพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่เน้นที่จำนวน แต่เน้นการเปิดตลาดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันตัวเลขค่าใช้จ่ายต่อทริป อยู่ที่ 47,000 บาท ภายในปี 65 ต้องการเพิ่มอีก 30% สำหรับตลาดต่างประเทศ เป็น 62,000 บาท
ขณะที่ตลาดในประเทศก็เช่นกันเราต้องการให้มีการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แต่เพิ่มในสัดส่วนที่ต่ำกว่า จาก 4,700 บาทต่อ1ทริป เป็นประมาณ 4,900 บาทต่อทริป
ในปี 65 ททท.ปรับทิศทางการทำการตลาดมุ่งตลาดคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยในระยะแรกจะเข้ามาน้อยลง และระดับรายได้ 80% แต่อยู่บนฐานคนแค่ประมาณสักครึ่งนึงของที่เราเคยรับ
วิสัยทัศน์ของแผน คือเราจะพลิกฟื้นอย่างสร้างสรรค์ ก้าวสู่การท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและอุปทานที่เหมาะสม เราจะไม่ปล่อยให้ผู้ประกอบการจะต้องเป็นผู้สูญเสีย แต่จะช่วยในการปรับตัวให้เข้าสู่ทิศทางที่เป็นทิศทางของประเทศในการที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ จาก 2 ปีเป็นต้นไป
ขณะเดียวกันททท.จะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น พร้อมจะทำการตลาดเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเพิ่มมากขึ้น โดยความร่วมมือของทุกฝ่าย พร้อมกับการซ่อมสร้าง supply chain ของประเทศ บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อไป
นั่นคือความคาดหวังที่จะเกิดขึ้น หวังว่านำไปสู่ 3 สิ่งด้วยกัน คือ การลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลง การท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพเพิ่มมากขึ้น และใช้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยแบรนด์ของประเทศไทยก็จะดีขึ้นในสายตาของทุกคนแล้วก็ทำให้ประเทศไทยนั้นยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่อไป
สุดท้าย คือ การใส่หน้ากาก การ์ดไม่ตก พกเจลล้างมือ ถือระยะห่างทางสังคม ประกอบกับการท่องเที่ยว “วิถีใหม่ วิถี SHA” (Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA) ซึ่งเป็นมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ททท.สนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบเข้า ก็จะทำให้การท่องเที่ยวแบบ New Normal ก็คือ วัคซีนที่ไม่ต้องรอ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด กับการรักษาเศรษฐกิจของประเทศนั่นเอง
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,641 วันที่ 3 - 6 มกราคม พ.ศ. 2564
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สรุป 3 ปรากฏการณ์เด่น ปิดฉากท่องเที่ยวปี 63
เทรนด์ท่องเที่ยวปี 64 ธุรกิจขยับรับวัคซีน มุ่งเป้า ‘ทราเวล บับเบิล’
“ไทย”เสียแชมป์แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนจีน