นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าในขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ต อยู่ระหว่างยกระดับมาตรฐานที่พักSHA(มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อการท่องเที่ยวที่รับรองโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) มาเป็นมาตรฐาน SHA+ เพื่อให้สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”ได้ตามที่ภาครัฐกำหนดไว้
โดยขณะนี้มีโรงแรมราว 100 แห่ง รวมห้องพักประมาณ1หมื่นห้องได้รับมาตรฐานSHA+แล้ว จากโรงแรมจำนวน430แห่งรวมแล้ว4หมื่นกว่าห้องที่ได้มาตรฐาน SHA อยู่แล้วเดิม ซึ่งการจะให้ได้มาตรฐานSHA+ นอกจากจะมีการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยที่เข้มขึ้นแล้ว ที่สำคัญคือพนักงานโรงแรมจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ100%
เรื่องการฉีดวัคซีนไม่มีปัญหาเพราะคนภูเก็ต2แสนกว่าคนได้รับการฉีดวีคซีนเข็มแรกแล้ว ในจำนวนนี้มีกลุ่มพนักงานโรงแรมรวมอยู่ด้วยและกลางเดือนนี้จะได้รับวัคซีนอีก 2แสนโดส วัคซีนก็จึงไม่ใช่ปัญหา ประกอบกับห้องพักจำนวน 100 แห่งราว1หมื่นห้องก็ถือว่าเพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวในช่วง3เดือนแรก(ก.ค.-ก.ย.)ที่ททท.คาดไว้ราว1แสนคน ซึ่งเฉลี่ยนักท่องเที่ยวราว3หมื่นคนต่อเดือน จำนวนห้องพักที่ใช้เฉลี่ยต่อวันก็อยู่ที่2-3 พันห้องเท่านั้น
“ในช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวก็คงไม่ได้มาก บุ๊กกิ้งขณะนี้ก็ยังน้อยมาก โรงแรมก็อาจจะยังกลับมาเปิดไม่มากนัก แต่ในเดือนตุลาคมเป็นต้นไปก็คาดว่าโรงแรมจะกลับมาเปิดบริการเพิ่มขึ้น”
การที่บุ๊กกิ้งมียอดจองน้อยอยู่ เป็นเพราะการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ยังไม่ได้ข้อสรุปจากรัฐบาล จากเดิมที่คิดว่าจะสรุปได้ภายในวันที่6 มิ.ย.ก็ยังไม่จบต้องนำเรื่องเข้าศบค.อีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ซึ่งแม้จะมีกรอบแนวทางปฏิบัติออกมาบ้าง แต่ในรายละเอียดก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ต ที่ต้องเข้าพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐานSHA+สามารถเปลี่ยนโรงแรมในระหว่างที่พักอยู่ในภูเก็ตได้หรือไม่ หรือถ้าคนไทยที่เดินทางมาพร้อมชาวต่างชาติและมีบ้านพักในภูเก็ต จะต้องทำอย่างไร นักท่องเที่ยวจากประเทศไหนที่จะเข้าภูเก็ตได้บ้าง เป็นต้น
สำหรับราคาขายห้องพักของภูเก็ตในวันนี้ถือว่าลดราคาลงไปมาก เพราะอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่5%เท่านั้น โรงแรม 5 ดาวขายอยู่ในหลัก2พันปลายต่อคืน ส่วนที่เป็นพูลวิลล่าจากเดิมขายหมื่นกว่าบาทต่อคืนเหลืออยู่ที่ราว4-5 พันบาทต่อคืน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้จะพักกี่คืนก็ได้ และหากพัก14 วัน ก็จะสามารถเดินทางต่อไปเที่ยวที่ใดไหนประเทศไทยก็ได้
นอกจากนี้ภูเก็ตยังมองถึงการดึงนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเที่ยวภูเก็ตด้วยเช่นกัน จึงมีการผ่อนปรนให้คนไทยที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า แล้ว 1 เข็มสามารถเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตได้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็กำลังรอทาง ศบค.และรัฐบาลว่าจะมีการประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ ซึ่งก็อยู่ในกระบวนการ แต่ที่ผ่าน มาททท.ก็เดินหน้าโปรโมทเคาน์ดาวน์เปิดเมืองภูเก็ต 1 ก.ค.นี้ไปแล้วผ่านสำนักงานในต่างประเทศทั้ง 29 แห่ง ซึ่งถ้าออกราชกิจจาฯเอกชนก็จะมีความมั่นใจในการทำคอนแท็กต์เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ททท.ชี้แจงว่า ในเดือน ก.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติยืนยันการเดินทางเข้าสู่ภูเก็ต 2 กลุ่ม แบ่งเป็น กลุ่มแรก จากสหรัฐอเมริกาในวันที่ 9 ก.ค. 2564 และกลุ่มสอง จากอังกฤษเป็นกลุ่มทหารเรือ 400-500 คนในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ โดยมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาเข้ามาต่อเนื่องส่วนกลุ่มเอเชียใต้ยังไม่อนุญาตให้เข้าประเทศไทยเนื่องจากต้องรอสถาน การณ์ในภูมิภาคดังกล่าวคลี่คลายก่อน
นักท่องเที่ยวจะอยู่กี่วันในภูเก็ตก็ได้จะอยู่น้อยกว่า 14 วันก็ได้เมื่อมาเที่ยวก็บินกลับประเทศ แต่ถ้าอยู่เกิน 14วันจะสามารถไปเที่ยวที่อื่นในไทยได้ ซึ่งจะใช้เวลาประเมิน 1 เดือน ถ้าไม่มีแรงกระเพื่อมของการแพร่ระบาด ก็จะมีเสนอขอให้ลดเหลือ 7วันและให้สามารถเดินทางต่อไปยังที่อื่นในไทยได้
นอกจากนี้ยังเน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวจะลงนามเอ็มโอยูกับสภาหอการค้าไทยในวันที่21 ก.ค.นี้เพื่อเชิญชวนสมาชิกที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาเที่ยวภูเก็ตเป็นไฟล์ตแรกในวันที่1 ก.ค.นี้ราว 200 คน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำของบริษัทต่างๆในสภาหอการค้าไทย รวมถึงวันนี้มีคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 5 ล้านคน ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะดึงมาเที่ยวภูเก็ตเช่นกัน
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,687 วันที่ 13 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวเกี่ยวข้อง: