นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภายในเดือนมิ.ย.นี้นอกจากประชากรในภูเก็ตจะได้รับการฉีดวัคซีนครบ 70% แล้ว ตามนโยบาย "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" สิ่งที่เรากำลังดำเนินการควบคู่กันไปคือทำให้พนักงานในสถานประกอบการต่างๆที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับการฉีดวีคซีนต้านโควิด-19 ครบ 100% ตามมาตรฐาน SHA Plus+ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการ
ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติคอนเฟิร์มเข้าภูเก็ตมาบ้างแล้ว จากอเมริกา, อิสราเอล ที่จะเริ่มเข้ามาในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ส่วน 7 สายการบินเริ่มขายการตลาดมีดีมานต์ ก็คงทยอยเข้ามาช่วง 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.64) ซึ่งประมาณว่าจะมีนักท่องเที่ยว 1.29 แสนคนจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง ซึ่งก.ค.นี้เป็นซัมเมอร์ ฮอลิเดย์ของตะวันออกกลาง และถ้ามีการออกราชกิจจานุเบกษาได้ในเร็วนี้ เอกชนก็จะมีความมั่นใจในการทำคอนแท็กซ์เพิ่มมากขึ้น
ระยะแรกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)และศบศ.อยากให้นักท่องเที่ยวอยู่ภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งถ้านักท่องเที่ยวอยู่น้อยกว่า 14 วันก็ไม่มีปัญหา คือมาเที่ยวภูเก็ตแล้วบินกลับประเทศ แต่ในกรณีจะเดินทางออกจากภูเก็ตไปเที่ยวพื้นที่อื่น ขอให้อยู่จนครบ 14 วัน ก่อนจึงจะสามารถเดินทางไปเที่ยวยังจังหวัดอื่นได้ แต่ถ้าใน 1 เดือนของการเปิดภูเก็ตไม่มีแรงกระเพื่อมของการติดเชื้อ ก็อาจจะมีการหารือถึงการลดจำนวนวันลงเหลือ 7 วันที่อยู่ภูเก็ตแล้วออกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในไทย และคนไทยเองที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็สามารถเดินทางไปเที่ยวภูเก็ตได้เช่นกัน
รวมไปถึงหารือถึงการพิจารณาว่าอาจจะขยายพื้นที่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างๆไปยังเขาหลัก จ.พังงา ไร่เลย์ เกาะไหง เกาะพีพี จ.กระบี่ สมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน ได้ในเดือนส.ค.นี้เร็วกว่าเดิมที่วางไว้ 1 ต.ค.นี้ได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการนำวัคซีนไปให้พื้นที่เหล่านี้เพื่อฉีดวัคซีน 70% ของประชากรในพื้นที่ได้หรือไม่
ส่วนพื้นที่อื่นๆอย่างกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ชลบุรี, บุรีรัมย์ ก็จัดอยู่ในแผนนำร่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติฉีดวัคซีนแล้วในเดือนต.ค.นี้เช่นกัน ซึ่งรวม 10 จังหวัดท่องเที่ยวในปีนี้ ต้องมีประชากรเป้าหมายได้รับวัคซีน 7.76 ล้านคนรวม 15.5 ล้านโดส เพื่อให้เป็นไปตามการเปิดจังหวัดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ที่จะต้องได้รับวัคซีนมากที่สุด คือ 9 ล้านโดส ตามมาด้วยบุรีรัมย์ 1.65 ล้านโดส ชลบุรี 1.24 ล้านโดส ภูเก็ต 9.3 แสนโดส เพชรบุรี 8.44 แสนโดส
ความสำคัญในการเลือก 10 พื้นที่นำร่องในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ เป็นเพราะ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ส่วนเชียงใหม่ จะมีการจัดการแข่งวิ่งภูเขาและวิ่งเทรลชิงแชมป์โลก ในวันที่ 11-14 พ.ย.นี้ จ.ชลบุรี (พัทยา) เป็นแหล่งท่องเทียวยอดนิยมของชาวต่างชาติพื้นที่เชื่อมโยงกทม.
ส่วนประจวบคีรีขันธ์ มีหัวหิน/ปราณบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่สำคัญของชาวไทยและต่างชาติเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ บุรีรัมย์ จะมีการแข่งขันกีฬาต่างๆ อาทิ โมโตจีพี ในเดือนต.ค.นี้ ส่วนกรุงเทพฯเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม การวางแผนสธ.และศคบ.เป็นไปตามแผนยังไงแอสตร้าเซนเนก้าเข้ามา 6 ล้านโดส ซิโนแวต 3 ล้านโดส ตอนนี้วัคซีนหลักเรามี 2 ตัวแล้ว และรัฐบาลจีนรับปากจัดให้ซิโนแวค 3 ล้านโดสต่อเดือน
แอสตร้าเซนเนก้าถึงสิ้นปีอีก 60 กว่าล้านโดส ทั้งสธ.มีประสานอีกหลายตัวเข้ามา อาทิ ซิโนฟาร์ม จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ที่ก็มี 5 บริษัทได้รับอนุญาตจากอย.แล้ว
ขณะที่งบประมาณ 4.5 หมื่นของสธ. ใช้ไป 2 หมื่นกว่า จากเงินกู้ 1 ล้านล้านคราวก่อน มีเงินเหลือซื้อวีคซีน และมีวงเงินเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท จากเงินกู้ สธ.ได้มา 3 หมื่นล้านบาทให้มาบริหาร ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องซื้อวัคซีนให้คนไทย 100 ล้านโดสจนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ สธ.ประกาศให้รับวีคซีน 70% ในก.ค.นี้ เพราะถือว่ากรุงเทพฯ มีหลายคลัสเตอร์ใหญ่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ก็จะเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี อย่างช้าส.ค.นี้ต้องจบ 1 ต.ค.นี้ ก็รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 ครั้งโดยไม่กักตัว
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,686 วันที่ 10 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวเกี่ยวข้อง: