วัคซีนที่เพียงพอสำหรับฉีดให้ประชากรในพื้นที่ให้ได้ 70% คือคำตอบเรื่องภูมิ คุ้มกันหมู่ (Herd immunity) ที่เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ต้องกักตัว ที่จำกัดให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเท่านั้น ซึ่งจะนำร่องด้วยการ เปิดเมืองภูเก็ต ภายใต้นโยบาย “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”
การเปิดรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ตครั้งนี้ก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าใครอยากเปิดธุรกิจก็กลับมาเปิดกันได้เหมือนในอดีต เพราะภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไม่เพียงแต่เป็นการนำร่องในการพื้นฟูเศรษฐกิจเท่านั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะต้องเดินคู่ขนานไปกับแผน คือมาตรการการบริหารความเสี่ยงเรื่องของความปลอดภัยและความเสี่ยงในการติดเชื้อทั้งของคนในพื้นที่เอง รวมถึงนักท่องเที่ยวซึ่งต้องไม่เป็นต้นเหตุของการนำเชื้อโควิดทุกๆสายพันธุ์จากภายนอกเข้ามาแพร่ให้คนในไทยด้วย
นี่เองจึงทำให้เงื่อนไขในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของภูเก็ตจึงมีความเข้มงวด ไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วทุกคนจะเข้ามาเที่ยวได้ เพราะแม้ปัจจุบันจะมีสายการบินกว่า 31 สายการบินจ่อขอสล็อตเปิดเที่ยวบินตรงเข้าภูเก็ตในช่วงก.ค.-ต.ค.นี้ แต่ไม่ใช่ทุกสายการบินจะมาได้ เพราะมีข้อจำกัดทั้งประเทศต้นทาง เช่น จีน ยังไม่อนุญาตให้คนเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่บางประเทศแม้จะอนุญาตให้เดินทางออกมาเที่ยวต่างประเทศแต่กลับไปก็ต้องกักตัว 21 วัน อย่างฮ่องกง
ขณะเดียวกันไทยเองก็ต้องตั้งเงื่อนไขว่าเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศเสี่ยงตํ่า-ปานกลาง ที่ต้องมีการระบุประเทศที่ชัดเจนออกมาจากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งที่แน่นอน คือ ไม่มีนักท่องเที่ยวจากเอเชียใต้ อินเดีย แน่นอน ทั้งการกำหนดแนวทางปฏิบัติต่างๆที่แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้าภูเก็ตไปจนถึงออกจากภูเก็ต
เริ่มจากก่อนการเดินทางเข้ามานอกจากมีคุณสมบัติการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว การเดินทางเข้าประเทศยังต้องขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศหรือCOE ตามปกติ มีประกันเดินทางต้องรวมโควิด ขั้นตํ่า 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อมาพักอยู่ในภูเก็ต นักท่องเที่ยวจะเข้าพักได้เฉพาะโรงแรมที่ผ่านมาตรฐาน SHA Plus + เท่านั้น จะมาเที่ยวภูเก็ตกี่วันก็ได้ แต่เที่ยวได้เฉพาะในภูเก็ตเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้เดินทางไป พีพี และ พังงา แต่ถ้านักท่องเที่ยวอยู่เกิน 14 วันสามารถเดินทางออกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย
อีกทั้งในระหว่างที่พักอยู่ในภูเก็ตต้องตรวจ PCR Test ในวันที่ 6 และ 12 ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องหรือเอเย่นต์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจ PCR Test และหากพบมีการติดเชื้อก็จะนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในภูเก็ตที่มีการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขไว้รองรับไว้แล้ว และจะยังไม่อนุญาตให้มีกิจกรรม Night Life ในช่วงไตรมาส3นี้ด้วย
ทั้งนี้เงื่อนไขต่างๆเหล่านี้เป็นไปตามการอนุมัติของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา และเตรียมนำเสนอต่อศบค.เพื่อสรุปในรายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ เพื่อรายงานครม.ออกราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ขณะที่การเตรียมพร้อมในการรองรับการเปิดเมืองภูเก็ต วันนี้คนภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย1เข็มเกิน60%ต่อประชากรไปแล้ว และอยู่ระหว่างการฉีดเข็มที่2 อย่างต่อเนื่อง แม้แต่คนต่างชาติและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ก็ได้รับการฉีดวีคซีนอยู่ในขณะนี้
นี่แสดงให้เห็นว่ามีการจัดสรรวัคซีนให้ภูเก็ตเพื่อนำร่องการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับการคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ ขณะนี้บางวันเป็นศูนย์หรือบางวันมีตัวเลขติดเชื้อเล็กน้อยอยู่ที่3.9คนต่อวัน(ค่าเฉลี่ย7วัน ข้อมูล ณ วันที่ 3 มิ.ย.64)
ส่วนภาคธุรกิจเองก็อยู่ระหว่างเร่งยกระดับสถานประกอบการจากมาตรฐานสุขอนามัยด้านการท่องเที่ยวระดับ SHA เป็น SHA Plus+ เพื่อให้สามารถให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมสมัครแล้ว 280 รายผ่านมาตร ฐาน SHA Plus+ ราว200 ราย ส่วนร้านอาหาร รถนำเที่ยว เรือนำเที่ยว ก็ต้องเข้ามาตรฐาน SHA Plus+ ด้วยเช่นกัน
ในระยะแรกตั้งเป้าไว้ที่ 800 แห่ง เป็นในส่วนของโรงแรมราว 400 แห่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาได้ต้องมีการจองโรงแรมที่ผ่านมาตรฐาน SHA Plus+ มาแล้วล่วงหน้าก่อนการเดินทาง ซึ่งแน่นอนธุรกิจโรงแรมใหญ่ โดยเฉพาะโรงแรมเชน จะได้ประโยชน์ก่อน เพราะที่ผ่านมาก็เปิดให้บริการอยู่แล้ว ไม่ได้ปิดกิจการชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ เหมือนโรงแรมขนาดกลางและเล็ก
แล้วดีมานต์นักท่องเที่ยวจะมาไหม ต้องยอมรับว่าในช่วงเดือนแรกโดยเฉพาะก.ค.นี้นักท่องเที่ยวจะน้อยมาก และไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ราว 3 หมื่นคนแน่นอน ที่เป็นเช่นนี้เพราะกระบวนการสรุปเรื่องของภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ของรัฐบาลมีความล่าช้ามาก ซึ่งเอเย่นต์จากต่างประเทศต่างรอให้มีการออกราชกิจจานุเบกษา ก่อนจึงจะเริ่มขาย ทั้งๆที่ควรจะได้ข้อสรุปตั้งนานแล้ว เพื่อให้เตรียมการขายล่วงหน้า และข้อจำกัดในการเดินทางของทั้งประเทศต้นทางและไทยที่เกิดขึ้นรวมถึงการกำหนดว่าจะต้องพักในภูเก็ต14 วันก่อนเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไทย เพิ่มขึ้นจากที่มีการหารือกันก่อนหน้านี้ที่มองกันไว้ที่ 7 วัน
ช่วงแรกแม้จะยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อย แต่ก็มี 10 สายการบินยืนยันที่จะเปิดบินในเดือนก.ค.นี้ แต่หากผ่านเดือนก.ค.ไปได้ ตัวเลขก็จะค่อยๆขยับขึ้น ซึ่งททท.ก็ยังมองเป้าหมายรวม 3 เดือนไว้ที่ 1 แสนคนอยู่
ทั้งนี้จะได้มากได้น้อยยังไงก็ต้องเปิดเกาะภูเก็ตตามแนวทางนี้ เพราะการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จึงนับว่าเป็นการเดิมพัน หากในช่วง 1 เดือนของการเปิดเมืองภูเก็ตไม่มีแรงกระเพื่อม ธุรกิจก็จะเดินต่อได้ หรือจะต้องแก้ไขปรับปรุงเพื่อเป็นแนวทางพัฒนาให้เหมาะสมกับการเปิดเมืองและจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆในอีก 9 จังหวัดที่รออยู่ในปีนี้ อาทิ เกาะสมุย พังงา กระบี่ พัทยา เชียงใหม่ ไม่งั้นการท่องเที่ยวของไทยก็คงไม่สามารถเดินได้
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,688 วันที่ 17 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวเกี่ยวข้อง: