ศึกสต๊อกยาง 3.1 แสนตันเดือด ก.เกษตรฯ แฉเหลี่ยม “เอ็มที”นายหน้าไชน่า ไห่หนาน ร่อนหนังสือถึง “ฉัตรชัย” เบรกเทสต๊อกขายยางขู่ฟ้องศาล อีกด้าน ก. เกษตรฯ ซุ่มปรึกษาอัยการ เตรียมฟ้องกลับ ขณะดีลชิโนเคมยังตั้งแง่ รับยางงวด 2 อ้างยางหาย/ไม่ได้คุณภาพ วงในชี้ส่อเบี้ยวสัญญาอีกราย หวั่นเสียค่าโง่เอาผิดไม่ได้ วงใน กยท.เผยยางส่งมอบชิโนเคมงวดแรกยังค้างจ่ายกว่า 600 ล้าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการที่รัฐบาลได้ประกาศจะระบายสต๊อกยางพาราเก่า 3.1 แสนตันนั้น ล่าสุดทาง บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด นายหน้าซื้อยางให้กับบริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ อินดัสทรี กรุ๊ปฯ ได้มีหนังสือถึง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยขอให้มีการสั่งระงับการขายยางดังกล่าว เพราะยางในสต๊อกยังคงมีสัญญาผูกพันอยู่กับบริษัท หากกระทรวงยังคงที่จะขายจะส่งฟ้องศาลให้เอาเรื่องถึงที่สุด
"จากเรื่องดังกล่าวทางกระทรวงได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และสำนักอัยการสูงสุด โดยได้จัดการประชุมขึ้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อแก้เกมในการฟ้องกับ หากทางบริษัทฟ้องศาลจริง เพราะที่ผ่านมานอกจากทางบริษัทจะผิดสัญญาในการรับมอบยางแล้วยังทำให้รัฐเสียหายทั้งค่าเช่าโกดัง และยางเสื่อมคุณภาพเพราะไม่มารับตามสัญญาแล้วจะมาอ้างความชอบธรรมของในโกดังอีก ซึ่งไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ทางนายหน้าแทนที่จะรับยางไปยกไปทั้งโกดัง แต่มาเลือกเอาโกดังนี้บ้าง โน้นบ้าง แสบจริงๆ"
แหล่งข่าวคนเดียวกัน ยังกล่าวถึงผลการเจรจาระหว่างนางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทนฝ่ายไทย กับ เครือชิโนเคมกรุ๊ป จากจีนในการรับมอบยาง(เป็นยางใหม่ 2 แสนตัน) ในงวดที่ 2 ที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ โดยทางจีนอ้างสินค้าหายตู้คอนเทนเนอร์ละ 1 ก้อน มีจำนวน 5 ตู้ ก็หายไปทั้งหมด 5 ก้อน จึงขอให้แก้ปัญหาให้ก่อน รวมทั้งอ้างสินค้าไม่มีคุณภาพ เรื่องนี้มองว่าทางฝ่ายจีนยึกยัก และคนที่ส่งมาเจรจาก็ไม่ใช่ระดับบริหาร เป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ เหมือนไม่ให้เกียรติฝ่ายไทย อีกด้านหนึ่งไทยมีแนวโน้มน่าจะโดนเบี้ยวสัญญา
"การที่ทางจีนให้ค่าพรีเมียม 3 หยวน หรือประมาณ 15 บาทต่อกิโลกรัม มีความเกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟไทย-จีน เพราะถ้าเป็นการค้าปกติในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ดังนั้นเมื่อให้ค่าพรีเมียม ก็ต้องหวังอะไร แต่เมื่อผิดหวังแน่นอนก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อยางอีกต่อไป และที่สำคัญการล้มสัญญาของชิโนเคมไทยก็ไม่สามารถเรียกค่าเสียหายใด ๆ และไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะไม่มีระบุเรื่องนี้ในสัญญา"
ปัจจุบันรัฐบาลมีสต๊อกยางพาราเก่าจาก 2 โครงการใน 2 รัฐบาลที่ผ่านมาก ได้แก่ยางในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง(รัฐบาลยิ่งลักษณ์) และยางในโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางหรือบัฟเฟอร์ฟันด์(รัฐบาลปัจจุบัน) ปริมาณยางรวม 3.1 แสนตัน และสต๊อกยางใหม่ (ชิโนเคม) อยู่ในระหว่างรอส่งมอบงวดที่ 2 อีก 1.66 หมื่นตัน
สำหรับผลการดำเนินงานการส่งมอบยางให้กับเครือชิโนเคมกรุ๊ป กยท.ได้ส่งยางงวดแรกเดือนเมษายน 2559 จำนวน 16,809.60 ตัน เป็นยางแผ่นรมควันชั้น 3 จำนวน 10,560 ตัน และยางแท่ง STR 20 จำนวน 6,249.60 ตัน ตาม PURCHASE CONTRACT จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 24 เมษายน 2559 ชนิดยางแผ่นรมควันชั้น 3จำนวน 4 พันตัน ราคาตันละ 1,569.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทางชิโนเคมได้โอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำนวน 5.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 212.3 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 3.13 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ครบกำหนดชำระเมื่อ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนฉบับที่ 2 ลงวันที่ 8 เมษายน 2559 ชนิดยางแท่ง STR 20 จำนวน 6,249.60 ตัน ราคาตันละ 1,619.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทางชิโนเคมได้โอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทยเข้าบัญชี กยท. จำนวน 1.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 44.7 ล้านบาทแล้ว ส่วนที่เหลือจำนวน 8.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครบกำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 และฉบับที่ 3 ลงวันที่ 18 เมษายน 2559 ชนิดยางแผ่นรมควันชั้น 3 จำนวน 6,560 ตัน ราคาตันละ 1,589 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทางชิโนเคมได้โอนเงินผ่านธนาคารเข้าบัญชี แล้วจำนวน 1.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 69.0 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 8,453.4 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 สรุปในการส่งมอบยางงวดแรก กยท.ได้รับเงินแล้วจำนวน 327.1 ล้าน บาท คงค้าง 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 622.4 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 35.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) รวมทั้งสิ้น 949.5 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,185 วันที่ 21 - 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559