สวัสดีปีใหม่ โลกอนาคต

04 ม.ค. 2563 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ม.ค. 2563 | 11:07 น.

คอลัมน์ เศรษฐเสวนา จุฬาฯ ทัศนะ โดย ผศ.ดร.วรประภา นาควัชระ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,537 วันที่ 5-8 มกราคม 2563

 

ช่วงปีใหม่นี้ ดูเหมือนจะมีเรื่องให้ต้องหวั่นใจหลายอย่าง เช่น เรื่องตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจที่อาจจะไม่ค่อยสู้ดีนัก ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคงมีอยู่ รวมถึงสภาวะแวดล้อมฝุ่นควันที่อาจจะไม่ค่อยปลอดภัยกับชีวิตและสุขภาพเท่าไหร่นัก

นอกจากนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าโลกหมุนเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว จนเราแทบตามไม่ทัน ดั่งกับว่าอยู่ๆ เราถูกจับขึ้น Time Machine ไปที่โลกอนาคต ที่มีสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมากมายจนแทบจำไม่ได้ว่า เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ผ่านมานี้โลกนี้มีหน้าตาอย่างไร

การก้าวเข้าสู่โลกอนาคต จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่อาจทำให้ความมั่นคงของธุรกิจและการงานสั่นคลอนด้วย จะเห็นได้ว่ามีโรงงานปิดตัวลงเพราะสู้คู่แข่งรายอื่นไม่ได้ หรือผู้คนถูกเลิกจ้างเพราะเทคโนโลยีเข้ามาทำงานแทนคนได้ ความกังวลว่าเราจะล้าสมัย (Obsolete) หรือ ใช้การไม่ได้ (Useless & Irrelevant) อาจเริ่มจะเกิดขึ้นกับคนอายุรุ่น 30 ปลายๆ เป็นต้นไป

 

สวัสดีปีใหม่ โลกอนาคต

 

อย่างไรก็ดี ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ผู้เขียนจึงอยากฝากข้อคิด 4 ข้อ เพื่อให้เราเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่โลกอนาคต ที่มีแต่ความปั่นป่วนและไม่แน่นอนได้อย่างมีความสุขค่ะ

1. Disruption คือเรื่องปกติ การเปลี่ยนแปลงคือเรื่องปกติ ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ หากท่านผู้อ่านอยู่ในโลกนี้มา นานมากพอ ก็จะเห็นได้ว่าเรื่องเก่าไปใหม่มาเป็นเรื่องปกติ เหมือนหนังม้วนเดิมที่เปลี่ยนตัวละคร เพียงแต่ว่ายุคนี้ตัวละครอาจจะเปลี่ยนเร็วขึ้นเท่านั้นเอง

หากมองในเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม ก็จะเห็นได้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) ได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้น การเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในยุคนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ

การที่คนบางกลุ่มจะต้องได้รับผลกระทบก็เป็นเรื่องปกติ ดังที่เคยได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต นอกจากนี้ Disruption ยังคงจะต้องเกิดอีกหลายครั้งในอนาคต หากเราเข้าใจและมีสติรู้เท่าทันว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ก็จะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลมากนัก


 

 

2. การปรับตัวและการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือสิ่งที่ต้องทำ เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าการเปลี่ยน แปลงคือเรื่องปกติ เราควรจะเข้าใจด้วยว่าการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำ ในอดีตที่ผ่านมามนุษย์ที่อยู่รอดคือมนุษย์ที่ปรับตัวได้เร็วที่สุด

การปรับตัวในยุคนี้คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด จงตั้งเป้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือทำสิ่งใหม่ๆ ให้ได้ในแต่ละเดือน หากคุณยังไม่ได้เคยเริ่ม ขอให้เริ่มวันนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ จงสนุกกับการจับตามอง Trend โลกอนาคต สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกหลาน

3. ต่าง Gen ต่างใจ ยุคนี้เป็นยุคที่เรียกได้ว่ามีการสะสมเพิ่มพูนของความขัดแย้งค่อนข้างมาก ทั้งความขัดแย้งของคนวัยเดียวกัน และความขัดแย้งของคนต่างวัย (ต่าง Generation) การมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันของทั้งคนวัยเดียวกันและคนต่างวัยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการเกิดและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน หรือต่างยุคต่างสมัย จะหล่อหลอมให้แต่ละคนมองโลกในมุมมองที่ต่างกัน การทำให้ทุกคนคิดเหมือนกันทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้นการอยู่ร่วมกันในโลกของความขัดแย้งจึงไม่ใช่การตั้งเป้าให้ทุกคนคิดเหมือนกัน หากแต่คือการหาทางออกให้คนที่คิดต่างกันอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ซึ่งก็คงเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่าย

แต่อาจเริ่มได้จากการยอมรับฟังและเคารพความเห็นที่แตกต่าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่เบียดเบียนสิทธิของผู้อื่น พยายามแก้ปัญหาด้วยความเมตตาหากทำได้ และหาทางสร้างเป้าหมายระยะยาวร่วมกัน

 

4. คุณธรรมและความดีเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลา แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไว ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างต้องตกยุคตกสมัยไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่จะยังมีคุณค่าไม่ว่ายุคไหน คือการปลูกฝังเรื่องคุณธรรมและความดีงาม จงคิดดีและเชื่อในเรื่องของการทำความดี ซึ่ง หากการให้หรือการเสียสละยังทำได้ยาก ขอให้เริ่มจากการไม่เบียดเบียนผู้อื่น และไม่เบียดเบียน สังคม รู้จักละอายที่จะทำสิ่งแย่ๆ แม้จะไม่มีคนเห็น มีผู้รู้กล่าวไว้ว่า คุณทำตัวเป็นคนแบบไหน ก็จะ ดึงดูดคนที่มีนิสัยใกล้เคียงเข้ามา

เพราะฉะนั้นถ้าปีใหม่นี้ ท่านอยากพบเจอแต่คนที่คิดดี พูดดี ทำดี ก็จงคิดดี พูดดี ทำดี ให้ได้เช่นนั้นค่ะ

ขอกราบสวัสดีปีใหม่ทุกท่าน และขอให้ทุกท่านพบเจอแต่สิ่งที่ดีงามในปีใหม่นี้ค่ะ