คอลัมภ์ ตื้น-ลึก-หนา-บาง
โดย: เรดไลออน
เหนื่อยตั้งแต่ต้นปีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ต้องผวาอีกครั้ง กับการระบาดจากคนสู่คนของไวรัสโคโรนา ซึ่งตรวจพบเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 กระทั่งทางการจีนถึงขั้นประกาศ "ปิดเมืองอู่ฮั่นและปิดสนามบิน" อันเป็นแหล่งระบาดของโรคเป็นเมืองแรกและปิดเมืองใกล้เคียงตามมาไม่ว่าจะเป็น เมืองหวงกัง (Huanggang) เมืองเอ้อโจว (Ezเhou) และล่าสุดปิดแล้ว 8 เมือง เพื่อสกัดการแพร่ระบาดให้ได้ผลทันที หลังพบมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย
เจอศึกใน-นอกประเทศ
ตามสถานการณ์ท่องเที่ยวแม้ไม่เกิดโรคระบาดท่องเที่ยวไทยก็มีสัญญาณไม่สู้ดีมาตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะเจอ “ศึกหนัก” ทั้งพิษจาก สงครามการค้า เศรษฐกิจยุโรป เบร็กซิท ซ้ำเติมด้วยความขัดแย้งอิหร่านกับทรัมป์ที่หวั่นว่าจะบานปลาย ยังมีเรื่องค่าเงินบาท ซึ่งล้วนมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวทั้งสิ้น
แม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวสิ้นปี 2562 ประมาณการเบื้องต้นยังเป็นบวกอยู่ 4.24% หรือมีจำนวน 39.79 ล้านคน (กระทรวงการท่องเที่ยวฯแถลงล่าสุด)
ตลาดจีนเพิ่งฟื้นหลังเรือล่ม
ในความเป็นจริงไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากเกินไปเพราะที่ผ่านมาตลาดจีนเป็นตลาดครองแชมป์อันดับ 1 มาหลายปีติดกัน และโตแบบก้าวกระโดด กระทั่งช่วงเรือล่มที่ภูเก็ต จีนหายไปเกือบครึ่งกว่าจะฟื้นได้ก็ใช้เวลาเป็นปี กระทั่งตัวเลขทัวร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบเดือนละ 1 ล้านคน จนน่าพอใจ หรือปีที่แล้วมีจำนวนกว่า 10 ล้านคนแต่ขณะนี้ท่องเที่ยวไทยต้องเผชิญกับทั้งปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 และยังมีปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ตามมาติด ๆ ซึ่งปัญหาหลังนี้ร้ายแรงมาก ทั่วโลกต่างตื่นตระหนก และมีผลต่อการเดินทางโดยตรง
จึงทำให้ผู้รับผิดชอบอย่าง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาถึงกับนั่งไม่ติด เขาออกมายอมรับว่า “ผมเป็นห่วงว่าจะกระทบตัวเลขนักท่องเที่ยว เพราะนอกจาก 2 ปัญหานี้แล้วยังมีเรื่องค่าเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้นจากที่จีนเคยแลกเงิน 1 หมื่นหยวน ได้ 5 หมื่นบาทก็ลดลงเหลือ 4.5 หมื่นบาท หายไปถึง 5 พันบาท ทำให้นักท่องเที่ยวหนีไป เวียดนาม มาเลเซีย ส่วนนักท่องเที่ยวจีนช่วงตรุษจีน ผมว่าเขายังมาอยู่เพราะโปรแกรมการท่องเที่ยวได้ถูกจองไว้ล่วงหน้า จ่ายเงินแล้วอย่างไรเขาก็ยังมาอยู่”
“พิพัฒน์” ชงครม.แจกคูปองทัวริสต์
ทั้งนี้ รมว.การท่องเที่ยวฯ ยังระบุอีกว่า ได้เตรียมมาตรการยาแรงอัดฉีดท่องเที่ยวไว้แล้ว โดยจะนำเสนอครม.ในวันที่ 31 มกราคมนี้ ทั้งฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดียถึงสิ้นปี คาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็นไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน ส่วนอินเดียจาก 1.9 ล้านคนจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านคนสิ้นปี 2563 อีกทั้งเตรียมอัดฉีดแคมเปญใหญ่แจกคูปองนักท่องเที่ยวต่างชาติคล้ายกับโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” แต่เป็นการโฟกัสไปที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมของภาครัฐเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ถือเป็นเครื่องยนต์ตัวสุดท้ายในการฟื้นเศรษฐกิจที่ยังแรงอยู่ รมต.พิพัฒน์กล่าว
ขณะที่การระบาดของไวรัสในจีนได้มีการยกระดับมาถึงขั้นปิดสนามบินนานาชาติอู่ฮั่น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีสายการบินที่บินตรงเข้าประเทศไทยจำนวน 11 สายการบิน ทั้งของไทยและจีน และแอร์เอเชียประกาศยกเลิกเที่ยวบินจากทั้งมาเลเซีย และไทยไปยัง "เมืองอู่ฮั่น" ถึงวันที่ 28 มกราคมนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนของชาวจีน
เที่ยวบินหดหนีไปญี่ปุ่น
ส่วนวิทยุการบินฯออกมาระบุว่าปีนี้สายการบินจากจีนมาไทยในช่วงปลายเดือนมกราคม (24-30 ม.ค. 63) 7 วันช่วงตรุษจีน พบว่าลดลง 3.71% เหตุมาจากการเบนเข็มไปเที่ยวญี่ปุ่นของทัวร์จีนแต่ก็ยังมาเยือนไทยเป็นอันดับที่ 2 โดยมีเที่ยวบินมาไทย 3,261 เที่ยวบิน ไปญี่ปุ่น 3,899 เที่ยวบิน
ขณะที่สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว หรือแอตต้า “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมออกมาระบุว่า การปิดเมืองอู่ฮั่นน่าจะกระทบนักท่องเที่ยวจีนมาไทยในราว 1-2% จากจำนวนทั้งหมดและก็ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะแม้นักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่นไม่มาก แต่ก็อย่าลืมว่าการระบาดของโรคลามไปหลายเมืองในจีนและยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดได้เพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย
สำหรับประเทศไทย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งการ์ดรับมือการระบาดของไวรัสจากจีนเต็มที่ ซึ่งถือว่ายังโชคดีที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์จากวิกฤติโรคซาร์สและไข้หวัดนกระบาดมาก่อน จึงทำให้ภาคปฏิบัติการไม่น่าเป็นห่วงนักในการคัดกรองผู้โดยสารและหากพบหรือสงสัยก็จะส่งต่อไปยัง ร.พ. ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด ป้องกันการระบาด
จนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครประเมินได้ว่า ทั้ง PM 2.5- ไวรัสโคโรนา ส่งผลกระทบทั้งเศรษฐกิจและท่องเที่ยวมากน้อยแค่ไหน แต่กระทบแน่นอน และเห็นภาพชัดตรุษจีนนี้แหละ “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้”