ต่างชาติปลื้มไทย รับมือ“โควิด”ได้ดี

+++ สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 สำหรับประเทศไทย หวังว่าจะ “เสถียร” อยู่ในระดับต่ำสิบไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยว่า มีผู้ติดเชื้อ  1 คน เป็นชายอายุ 39 ปี เดิมเป็นคนภูมิลำเนา จังหวัดเชียงใหม่ แต่ไปทำงานที่จะภูเก็ต และได้เดินทางกลับบ้านที่จ.เชียงใหม่ พร้อมกับครอบครัว ภรรยาและบุตร โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อเป็น 0 ครั้งแรก สรุป ณ วันที่ 14 พฤษภาคม ไทยมียอดผู้ป่วยสะสม อยู่ที่ 3,018 คน รักษาหายเพิ่มขึ้น 6 คน ทำให้มีผู้ป่วยหายดี กลับบ้านได้รวม 2,850 คน พักรักษาตัวในโรงพยาบาล 112 คนยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 56 ราย

+++ จังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 28 วัน มีทั้งหมด 18 จังหวัด คือ กรงเทพฯ ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สุพรรณบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา กระบี่ ชุมพร นราธิวาส ปัตตานี ภูเก็ต ยะลา และสงขลา ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วัน มีทั้งหมด 50 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี กาญจนบุรี จันทบุรี นครนายก ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร เชียงราย เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครสวรรค์ พะเยา กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ นครพนม อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี เลย สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู ตรัง สุราษฎร์ธานี พัทลุง นครศรีธรรมราช และ พังงา

+++ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เสียงเรียกร้องให้ “คลายล็อก” ก็เริ่มตามมา โดยเฉพาะการผ่อนปรนช่วงเวลาเคอร์ฟิว จากเดิมห้ามออกจากเคหสถานในเวลา 22.00- 04.00 น. มีความต้องการจาก “ภาคเอกชน-ผู้ประกอบการธุรกิจ” ให้ยืดไปเป็นเวลา 23.00-04.00 น. เพื่อที่จะได้มีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง ในการเตรียมตัวก่อนเดินทางกลับบ้านให้ได้ทันเวลาที่กำหนด ซึ่งนอกจาก “ยืดเวลาเคอร์ฟิว”แล้ว ยังมีการ “ผ่อนปรน” ให้กิจการอีกหลายอย่างเริ่มกลับมาดำเนินกิจการได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ “ห้างสรรพสินค้า” ถือเป็นการ “คลายล็อกเฟส 2” และจะมี เฟส 3-4-5 ตามมา หาก “ผู้ติดเชื้อใหม่” หมดไปจากประเทศไทย

+++ การที่ “ไทย” สามารถรับมือกับ “โควิด-19” ได้ดี ทำให้มีเสียงชื่นชมจากนานาชาติตามมาเป็นระยะ ล่าสุด ไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี ทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้เข้าพบ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ซึ่ง จุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางสหรัฐฯ ได้ชื่นชมไทยในการแก้ปัญหาโควิด และยินดีสนับสนุนให้มีการย้ายฐานผลิตมาตั้งที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น สหรัฐฯ ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับการดำเนินการด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจาก สถานะบัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) และ สหรัฐฯ มองว่าไทยสามารถที่จะมีบทบาทในด้านการท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน หลังผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 ไปได้ ...

+++ เช่นเดียวกับ อัลลัน แมคคินนอน ทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ก็ได้ออกมา “ยินดีกับไทย” ที่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี จนมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ แล้ว เช่น การเดินทางในประเทศ โรงเรียน ชายหาด และร้านอาหารกลับมาเปิดทำการได้ โดยสิ่งสุดท้ายสิ่งที่จะเปิดก็คือการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะทำได้เมื่อใด

+++ ชะแว้บ... ไปดูปัญหาในพรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง “พลังประชารัฐ” ที่เกิดเรื่องราวความต้องการ “ยึดพรรค” เพื่อเป็นบันไดไต่ไปถึง “เก้าอี้ รมต.” ที่ตัวเองอยากได้ ล่าสุด พี่ใหญ่-บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ออกมาพูดชัดเจนแล้วว่า ไม่ขอรับเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอจัดประชุมใหญ่สามัญพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ ในต้นเดือนมิถุนายน ...ต้องรอดูกันไปว่ายังจะมีใครเคลื่อนไหว “แซะ” เก้าอี้ อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ทั้งในพรรค และรัฐบาล ต่อไปอีกหรือไม่...

+++ ปิดท้ายกันที่ โยชิฮิโระ ทามูระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน ) หรือ TCCC  บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมีรายใหญ่ในประเทศไทย ภายใต้ตราสินค้าหัววัว-คันไถ ตราสิงห์ ตราเด็กน้อย และตราทีซีซีซี เนรมิตสำนักงานใหม่ภายใต้แนวความคิด “Crop Land” ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งได้นำแนวคิดมาใช้ในการตกแต่งภายใน  ณ อาคารสามย่านมิตรทาวน์ แลนมาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมือง ถูกสร้างโดยคำนึงถึง Smart & Friendly เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน บริษัทเริ่มดำเนินงานที่สำนักงานใหม่แล้วตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมา