+ ถึงจุด “ไคลแม็กซ์” สำหรับคดีรุกป่าราชบุรีของ “เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บุตรสาวของ ทวี ไกรคุปต์ อดีตรมช.พาณิชย์ และ รมช.คมนาคม เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลในความผิดบุกรุกที่ดินในพื้นที่จ.ราชบุรี
+++ เป็นการชี้มูลในฐาน “ผิดจริยธรรมร้ายแรงหลายข้อ” เช่น ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์, ผลประโยชน์ขัดกัน โดยจะสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาต่อไป
+++ สำหรับโทษข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง คือต้องพ้นจากตำแหน่งส.ส. โดยเมื่อ “ศาลฎีกา” รับฟ้องแล้วจะต้องพิจารณาตัดสินว่าพ้นจากตำแหน่งส.ส.หรือไม่
++ คดีดังกล่าวเกิดจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบ เนื่องจากเห็นว่า ปารีณา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบุกรุกที่ดิน กรณีจงใจที่จะกระทำความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ที่ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนจริยธรรมของนักการเมือง
+++ นอกจากฐานความผิดด้าน “จริยธรรม” แล้ว ปารีณา ยังถูกตำรวจ ปทส. มีความเห็นส่งสำนวนให้อัยการราชบุรี สั่งฟ้องกรณีครอบครองที่ดิน ฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 711 ไร่ ใน 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย
+++ 1.ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 และ ม.31 “ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต”
+++ 2.ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484“ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
3.ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่าห้าสิบไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
และ 4.ความผิดตามพ.ร.บ.น้ำบาดาลพ.ศ.2520 “ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต”ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 4-20 ปี ปรับ 200,000-2,000,000บาท ซึ่งในส่วนของ ปารีณา จะถูกดำเนินคดีในฐานะบุคคลและนิติบุคคลด้วย
+++ ขณะนี้ ปารีณา ได้ใช้เอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.ขอเลื่อนเข้าพบตำรวจหลังปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ 28 ก.พ.นี้ ก็หมดหนทางที่จะ “ยื้อ” ได้อีก ต้องไปพบตำรวจเพื่อส่งตัวและสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องศาลต่อไป
+++ นอกจากจะลุ้น “พ้นเก้าอี้ส.ส.” แล้ว ยังมีโทษทัณฑ์ถึง “ติดคุก” ด้วย ...นี่คือวิบากกรรมของ ปารีณา ที่ต้องเผชิญ...