“ซีพี” ตอบทุกประเด็นซื้อหุ้น “ซิโนแวค” หนุนการผลิตวัคซีนโควิด

06 ม.ค. 2564 | 05:23 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ม.ค. 2564 | 05:44 น.

“ซีพี” ชี้เหตุวัคซีนขาดแคลนทั่วโลก ตัดสินใจร่วมระดมทุน “ซิโนแวค” กับกองทุนจากสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 สองเท่า นำวัคซีนเข้าถึงประชากร 300 ล้านคนทั่วโลก

เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ "ซีพี" ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีบริษัทในเครือเข้าถือหุ้น 15.03% ใน บริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนส์ (Sinovac Life Sciences) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ซิโนแวค ไบโอเทค ผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 สัญชาติจีน ว่า เป็นเรื่องจริง เนื่องจากบริษัทพิจารณาว่า ในช่วงเวลายากลำบากนี้ “วัคซีน” เป็นสิ่งที่ขาดแคลนอย่างมาก และเป็นการแข่งกับเวลา ทำให้ทุกประเทศในโลกต้องเร่งผลิตวัคซีนให้ได้มากที่สุด

 

ทางซีพีเองได้ดำเนินธุรกิจด้านเวชภัณฑ์มากว่า 20 ปีในประเทศจีน จึงขยับตัวได้อย่างรวดเร็วและมองการณ์ไกลเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนส์ ผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีชื่อว่า “โคโรนาแวค” (CoronaVac) ซึ่งการซื้อหุ้นครั้งนี้ แล้วเสร็จลุล่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ในจำนวนเงิน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,427.85 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเข้าไปถือหุ้น 15.03% ในบริษัทดังกล่าว  ซึ่งวิธีนี้จะทำให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตให้ประชากรโลกสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น

 

นอกจากซีพีแล้ว ยังมีกองทุนของจีน คือ “แอดวานซ์เทค แคปิตอล” และกองทุนของสหรัฐ” วีโว่ แคปิตอล” ที่ได้ร่วมลงทุนกับทางซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนส์ โดยเข้าเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทละ 6.3%

 

การเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้กลุ่มซีพี ซื้อหุ้นในนามของกลุ่ม “ซีพี ฟาร์มาซูติคอล กรุ๊ป” ( CP Pharmaceutical Group) ดำเนินธุรกิจยาในประเทศจีนและจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

 

ทั้งนี้ ซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนส์ มีศักยภาพในการผลิตวัคซีน 300 ล้านโดสต่อปีในปีที่ผ่านมา และจะเพิ่มเป็น 600 ล้านโดสต่อปีในปีนี้ (2564)

 

นอกจากประเทศจีนแล้ว วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) ของบริษัทซิโนแวค ยังเป็นวัคซีนที่นำมาฉีดให้กับประเทศต่างๆ เช่น อินโดนีเซีย ตุรกี บราซิล และชิลี เป็นต้น

ซิโนแวคมีกำลังการผลิตวัคซีน 300 ล้านโดสในปีที่ผ่านมา

การระดมทุนเพิ่มในครั้งนี้ ซิโนแวคระบุว่า จากเดิมสามารถผลิตวัคซีนได้ปีละ 300 ล้านโดส หากสร้างโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ได้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนให้ได้ปีละ 600 ล้านโดส ก็จะเพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนให้กับประชากรโลก โดยปัจจุบัน โคโรนาแวคเป็นวัคซีนทดลอง 1 ใน 3 ตัวของจีนที่มีการฉีดให้ประชาชนราว 1 ล้านคนแล้วตามโครงการเร่งด่วน

 

อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการเชื่อมโยงไปยังประเด็นการเมืองว่า ภาครัฐสั่งซื้อวัคซีนจากซิโนแวค จำนวน 2 ล้านโดส จะมีความเชื่อมโยงกับการลงทุนของกลุ่มซีพีในบริษัทซิโนแวคหรือไม่นั้น ซีพีระบุว่า หากดูจากยอดการผลิต 600 ล้านโดสต่อปีเพื่อกระจายวัคซีนไปทั่วโลก กับยอดการสั่งซื้อ 2 ล้านโดสของประเทศไทย เทียบได้กับ  0.33% ของกำลังการผลิต  นั่นจึงคงไม่ใช่เหตุผลที่ซีพีเข้าไปลงทุนในครั้งนี้

 

รายงานจากซิโนแวคยังระบุว่า ปัจจัยหลักของการระดมทุนก็เพื่อเป็นการขยายการเข้าถึงวัคซีนของประชากรโลก ปัจจุบันซิโนแวคทำสัญญาจัดหาวัคซีนโคโรนาแวคให้กับหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ตุรกี บราซิล ชิลี และกำลังเจรจากับฟิลิปปินส์ ซึ่งหากพูดถึงกำลังการผลิต 600 ล้านโดสต่อปี จะเท่ากับครอบคลุมประชากรประมาณ 300 ล้านคน หรือเท่ากับประมาณ 3.94% ของประชากรโลกเท่านั้น

 

จึงเป็นภารกิจของทุกประเทศในโลก ในการขยายการผลิต การสร้างโอกาสในการเข้าถึงยาและวัคซีน และถือเป็นเรื่องของสุขภาพและความมั่นคงในชีวิตอีกด้วย เพื่อตอบเป้าหมายความยั่งยืนของสหประชาชาติอีกด้วยในด้านสุขภาพ (Health & Well Being)

 

นอกจากนี้ ยังระบุว่ากระทรวงสาธารณสุขของไทยคาดการณ์ว่า วัคซีนของบริษัท ซิโนแวค ชุดแรก 200,000 โดส จะขนส่งมาถึงไทยช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และชุดที่สอง 800,000 โดส จะมาถึงช่วงสิ้นเดือนมีนาคม จากนั้นอีก 1 ล้านโดส จะมาถึงช่วงสิ้นเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับการสั่งจองซื้อวัคซีน จำนวน 61 ล้านโดสจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (Astra Zeneca) ที่คาดว่าล็อตแรกจะนำเข้ามาเพื่อให้คนไทยได้ใช้ประมาณกลางปี 2564 จำนวน 26 ล้านโดส 

 

บวกกับอีก 35 ล้านโดสที่ทางครม.ได้อนุมัติเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ให้มีการจัดซื้อจัดหาเพิ่มเติม เพื่อคุ้มครองคนไทยได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่ารวมแล้วไทยจะมีวัคซีนจากประเทศอังกฤษ 61 ล้านโดสให้ประชาชน และมีวัคซีนที่จองซื้อจากซิโนแวคจากประเทศจีนเพียงแค่ 2 ล้านโดสเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่เลือกสองรายนี้เพราะวัคซีน สามารถเก็บได้ในตู้เย็นมาตรฐานที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสเป็นเวลาอย่างต่ำ 6 เดือน ทำให้ง่ายต่อการขนส่งและกระจายวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ การซื้อวัคซีน ประเทศไทยต้องไปต่อคิว เพราะทั่วโลกขาดแคลน ดังนั้น การจองซื้อล่วงหน้า ถือเป็นเรื่องของความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน

 

บนเส้นทางธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ของกลุ่มซีพีกว่า 20 ปี อาจไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างในประเทศไทย เพราะเมื่อพูดถึงกลุ่มซีพี อาจทำให้นึกนึกกลุ่มธุรกิจเกษตร หรือไม่ก็เซเว่น อีเลฟเว่น แต่ข้อเท็จจริงเครือซีพี ได้ถือว่าเป็นบริษัทไทยที่ก้าวสู่การเป็นบริษัทระดับโลกไปแล้วโดยรายได้มากกว่าครึ่งก็มาจากตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาซีพี กรุ๊ป มีการลงทุนใน 22 ประเทศทั่วโลก บริษัทในเครือทำธุรกิจครอบคลุมหลากหลายสาขา แบ่งเป็น 8 กลุ่มธุรกิจ แต่ที่คนไทยคุ้นเคยคือ 3 ธุรกิจเสาหลัก ได้แก่ 

  •  ซีพี ฟู้ดส์ ดูแลธุรกิจด้านอาหารครอบคลุมธุรกิจเกษตร ธุรกิจฟาร์มเลี้ยง ไปจนถึงอาหารแปรรูปพร้อมบริโภค 
  • ซีพีออลล์  ดูแลธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-11
  • และทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของไทย

 

นอกจากนี้ กลุ่มซีพียังมีธุรกิจอื่น ๆในต่างประเทศอีกมากมาย อาทิ  กลุ่มเวชภัณฑ์ ที่ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจของซิโนไบโอฟาร์มาฯนั้น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2000 หรือประมาณ 22 ปีมาแล้ว และติดอันดับท็อป 50 บริษัทในธุรกิจยาของโลกที่จัดอันดับโดยนิตยสาร Pharm Exe ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2019  นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นสุดยอด 100 บริษัทในเอเซียอีกด้วย

 

ดังนั้น การเข้าสู่ธุรกิจเวชภัณฑ์ของกลุ่มซีพีจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะดำเนินการมาแล้วกว่า 22 ปี โดยทำการผลิต และทำการตลาดยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบ และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและสมองในประเทศจีน ทั้งนี้บริษัท ซิโนไบโอฟาร์มาฯ ทำรายได้ในปี 2019 สูงถึง 4200 ล้านหยวน หรือ 112,000 ล้านบาท และการลงทุนในบริษัทซิโนแวค ก็ถือเป็นการลงทุนปกติของกลุ่มซิโนไบโอฟาร์มา ที่ดำเนินการเป็นประจำในอุตสาหกรรมยา โดยบริษัทเน้นการลงทุนในบริษัทที่ทำการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีทั่วโลก และถือว่าการลงทุน 515 ล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ให้ได้สองเท่า

 

ซีพีย้ำว่า การลงทุนครั้งนี้ทำให้ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล มีหุ้นส่วนน้อย เพียง 15.03% ในซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนส์ และดีลนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ซิโนแวคขยายข้อตกลงจัดหาวัคซีนโคโรนาแวค และทดลองกับหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลการทดลองทางคลินิกเฟส 2 เป็นไปด้วยดี ทำให้การลงทุนเป็นไปตามเวลาที่เหมาะสม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักบิ๊กวัคซีนจีน “ซิโนแวค ไบโอเทค”

ไขคำตอบทำไม “ซีพี” เลือกร่วมทุนผลิตวัคซีน “ซิโนแวค ไบโอเทค”

ซีพี ทุ่ม 1.5 หมื่นล้าน ลงทุนผลิตวัคซีน “ซิโนแวคไบโอเทค"