“มหาดไทย”ย้ำผู้ว่าฯทั่วปท.คุมเข้มเข้าเมืองผิดกฎหมายสกัดโควิด

18 ม.ค. 2564 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ม.ค. 2564 | 03:50 น.

“มหาดไทย”ส่งหนังถึงด่วนย้ำผู้ว่าฯทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มคุมเข้มเฝ้าระวังเข้าเมืองผิดกฎหมาย สกัดการแพร่ระบาดโควิด-9

 

วันที่ 18  ม.ค.64 รายงานข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย(ศบค.มท.) เผยว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามโทรสารในราชการกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รายละเอียดว่า ตามโทรสารราชการกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0230/ว 163 ลงวันที่ 10 มกราคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เน้นย้ำให้จังหวัดดำเนินการตามข้อสั่งการเชิงนโยบาย เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) เกิดผลเป็นรูปธรรมนั้น

        

ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการ ดังนี้

        

1.พื้นที่จังหวัดชายแดน : ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพิ่มความเข้มข้นในการจัดให้มีการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเข้าไปในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด ด้วยการใช้กลไกทางปกครอง กลไกภาคประชาชน/ประชาสังคมที่มีอยู่

       

 2.พื้นที่จังหวัดตอนใน : ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดตรวจตรา กำกับดูแลสถานประกอบการ รวมทั้งภาคเอกชน มิให้จ้างแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในห้วงเวลานี้

        

เพื่อให้เป็นไปตามมติศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทยจึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ดำเนินการตามมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด