นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข(EOC) และ ศบค. ยังมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์โควิดภายในประเทศ 3 จุดที่สำคัญ คือ สมุทรสาคร, กรุงเทพฯ และชายแดนใต้
โดยที่สมุทรสาคร จะต้องใช้แนวทางในการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในโรงงานที่มีอยู่นับหมื่นกว่าโรง เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมาเข้าสู่ระบบการรักษาให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมโรคทำได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าการเข้าไปค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในโรงงานต่างๆ ยังมีอุปสรรค เนื่องจากจำนวนโรงงานที่มีมาก แต่ก็จะต้องดำเนินการตามแผนที่วางไว้ คือ การใช้ทีมสอบสวนโรคเข้าไปสุ่มตรวจอย่างน้อยวันละ 600 แห่ง และตรวจอย่างน้อย 50 คน/โรง ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทายที่จะต้องทำให้ครบภายในสิ้นเดือนนี้ตามที่ประกาศข้อกำหนดมาตรการจะสิ้นสุดในสิ้นเดือน ม.ค.64
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางหน่วยงานภาครัฐเองทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน ตลอดจนกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้การควบคุมและจัดการโรคในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร มีความรวดเร็ว
"ในหมื่นกว่าโรงงาน ทำอย่างไรจะค้นหาผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ตอนนี้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ พรุ่งนี้ต้องเอาข้อมูลมารายงานใน ศบค. ติดขัดตรงไหนจะได้เร่งแก้ไข เพื่อจะดึงผู้ป่วยที่รอการรักษาแยกออกมาให้ได้เร็วที่สุด" นพ.ทวีศิลป์ระบุ
ส่วนสถานการณ์ในกรุงเทพฯ ที่มีความน่ากังวล แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะเป็นระดับ 1 หลักหรือ 2 หลัก เนื่องจากวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ มีลักษณะที่ใกล้ชิดกัน แม้ว่าพื้นที่จะมีขนาดไม่ใหญ่แต่จำนวนประชากรค่อนข้างหนาแน่น ทำให้เริ่มเห็นการแพร่เชื้อสู่บุคคลในครอบครัวเดียวกันมากขึ้น ดังนั้นระบบการค้นหาเชิงรุกจะต้องออกแบบและวางระบบเป้นอย่างดี ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ทำงานร่วมกัน กับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากข้อมูลจะพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะใน 5 เขตที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเป็นลำดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ คือ เขตบางขุนเทียน, เขตบางแค, เขตบางพลัด, เขตจอมทอง และเขตธนบุรี ซึ่งอาจะเป็นผลต่อเนื่องมาจากมีพื้นที่ใกล้เคียงกับ จ.สมุทรสาคร
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่มีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากขณะนี้มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกับไทย มีตัวเลขการระบาดในระดับหลักพันคนต่อวัน จึงจำเป็นต้องนำประสบการณ์ในการควบคุมโรคที่เคยใช้กับประเทศเมียนมา ซึ่งมีชายแดนติดต่อทางฝั่งตะวันตกกับประเทศไทยมาใช้กับภาคใต้ด้วย ดังนั้นหากมีการควบคุมการระบาดในพื้นที่ชายแดนใต้ได้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่ทั้งนี้ จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลและเป็นหูเป็นตาด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยอดติดเชื้อโควิด 19 ม.ค.64 รายใหม่ 171 ในประเทศ 158 หายป่วยเพิ่ม 150 ราย
เปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 171 ราย
โควิด-19 ระลอกใหม่ “สงขลา” ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย
ข่าวดี "ชลบุรี"ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ สะสม 647 ราย
“หมอยง” เผยเหตุเลือกฉีดวัคซีนโควิดให้คน 2 กลุ่มก่อน