รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 16 มีนาคม 2564...
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 287,025 คน รวมแล้วตอนนี้ 120,671,502 คน ตายเพิ่มอีก 4,900 คน ยอดตายรวม 2,669,261 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 45,040 คน รวม 30,123,137 คน ตายเพิ่มอีก 627 คน ยอดตายรวม 547,815 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 36,239 คน รวม 11,519,609 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 24,366 คน รวม 11,409,524 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,437 คน รวม 4,400,045 คน
สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 5,089 คน รวม 4,263,527 คน
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า
ในขณะที่แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพัน
เกาหลีใต้ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนสิงคโปร์ ไทย ฮ่องกง และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน เวียดนาม ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...ล่าสุดนายกรัฐมนตรีของประเทศเอสโตเนียติดเชื้อโควิด-19 มีไข้เล็กน้อยแต่ยังไม่มีอาการอื่น
เอสโตเนียเป็นประเทศแถบทะเลบอลติก ประชากรประมาณ 1.3 ล้านคน แต่สองวันก่อนมีการวิเคราะห์พบว่ามีอัตราการติดเชื้อโควิดในรอบสัปดาห์สูงที่สุดในโลก ขณะนี้ติดวันละพันกว่าคน ยอดรวมขณะนี้ 86,086 คน เสียชีวิตไป 728 คน ระบาดระลอกแรกมีการติดเชื้อสูงสุดต่อวันเพียงหลักสิบในช่วงต้นเมษายน 2563 ต่อมาเริ่มเข้าสู่ระลอกสองต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยทวีความรุนแรงไปสูงสุดราว 600 คนต่อวันในช่วงกลางมกราคม 2564 แต่ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ และทวีความรุนแรงเป็นคลื่นลูกที่สามต่อเนื่องจากระลอกสองจนถึงปัจจุบัน คงต้องเอาใจช่วยเค้าให้ดีขึ้นโดยเร็ว
สำหรับเมืองไทยเรา...
สถานการณ์การระบาดยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กระจายตัวไปหลากหลายพื้นที่ ไม่ได้ปลอดภัยนะครับ
การระบาดระลอกสองนั้นไม่ได้จบ แต่ประเมินแล้วผลลัพธ์ของการศึกครั้งนี้คงเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากการที่จะเผชิญการติดเชื้อรายวันอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยก้ำกึ่งระหว่างหลักสิบและหลักร้อยต่อวัน
ระบบการตรวจคัดกรองไม่ได้มีศักยภาพที่จะตรวจได้มากเพียงพอและครอบคลุมเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้เรายังคงเห็นได้ชัดเจนว่า การตรวจเชิงรุกมีน้อย แต่อาศัยการให้คนที่ติดเชื้อแล้วเจ็บป่วยหรือสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อแล้วเดินทางไปตรวจเองที่สถานพยาบาล โดยมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องจ่ายเงินเองเพราะไปตรวจที่เอกชน ในขณะที่ก็คาดว่าจะมีอีกจำนวนไม่น้อยที่อาจไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ด้วยปัญหาทางเศรษฐานะและไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งๆ ที่ในสถานการณ์ระบาดกระจายเช่นนี้ ทุกคนในประเทศควรได้รับสิทธิในการตรวจได้ ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีก็ตาม เพราะหากทำให้คนเรารู้สถานะของตัวเองว่าติดหรือไม่ติด เค้าเหล่านั้นจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง ไม่มีใครหรอกที่อยากไปตรวจโดยไม่จำเป็น เพราะการแยงจมูกแต่ละครั้งมีความทรมาน ไม่ได้ชิลๆ
ลักษณะของระบบการตรวจคัดกรองที่วิเคราะห์มานั้นจะทำให้เราเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำระลอกสาม และจะรับมือลำบากหากมีการระบาดวงกว้าง ดังนั้นจึงควรลงทุนในระบบการตรวจคัดกรองให้สามารถตรวจในจำนวนที่มาก ครอบคลุม และต่อเนื่อง
จากธรรมชาติของการระบาดซ้ำระลอกสามของประเทศอื่นทั่วโลก หากอัตราการติดเชื้อต่อวันอยู่ในหลักสิบ จะมีโอกาสเจอระลอกสามในอีก 72 วันหรือ 10 สัปดาห์ บวกลบราวสองสัปดาห์ ในขณะที่หลักร้อย จะมีโอกาสเจอระลอกสามในระยะเวลาสั้นลงเหลือประมาณ 49 วันหรือ 7 สัปดาห์ ดังนั้นหากเราเรียนรู้จากบทเรียนที่กล่าวมาข้างต้น ก็สามารถใช้เพื่อวางแผนรับมือ ระแวดระวัง ป้องกันตัวให้เคร่งครัด ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนหาความเสี่ยงที่จะมีโอกาสทำให้เกิดการระบาดได้มากขึ้นเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงภายในประเทศ หรือจะนำพาความเสี่ยงจากต่างประเทศเข้ามา
คาดการณ์ว่าระลอกสามนั้น น่าจะเกิดจากสายพันธุ์ไวรัสที่กลายพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะสายพันธุ์สหราชอาณาจักร B.1.1.7 หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้ B.1.351 หรือสายพันธุ์บราซิล P.1 และอื่นๆ หรือหลายตัวพร้อมกันก็เป็นได้ ดังนั้นการจัดหาวัคซีนเพื่อนำมาใช้จึงจำเป็นต้องเลือกใช้วัคซีนที่สามารถต่อกรกับสายพันธุ์เหล่านี้ได้ด้วย
ภารกิจที่จำเป็นต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมคือ การเปิดช่องทางจัดซื้อจัดหาและบริการวัคซีนชนิดอื่นๆ นอกเหนือไปจาก Sinovac (ซิโนแวค) และ Astrazeneca (แอสตร้าเซนเนก้า) ที่ไทยเรามี เนื่องจากวัคซีนที่เรามีอยู่นั้นยังมีข้อจำกัดมากเรื่องหลักฐานสรรพคุณด้านการป้องกันการติดเชื้อ และหลักฐานสรรพคุณในการต่อกรกับสายพันธุ์ไวรัสที่กลายพันธุ์ครับ
ศึกนี้อีกยาว ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร ลดละเลี่ยงการตะลอนไปไหนต่อไหนโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญมากขณะนี้คือ ต้องคอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายคล้ายหวัด ขอให้นึกถึงโควิดไว้เสมอ และควรหยุดเรียนหยุดงานแล้วรีบไปตรวจรักษา
ด้วยรักและปรารถนาดีเสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :