นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศบังคับใช้ มาตรการ “ปิดเมือง” หรือ ล็อกดาวน์กรุงปารีส เมืองหลวงและพื้นที่รายรอบ รวมทั้งบางส่วนของแคว้นนอร์มังดี ทางตอนเหนือของประเทศ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีผลทันทีวานนี้ (18 มี.ค.) โดยหลังเที่ยงคืนเมื่อย่างเข้าสู่วันศุกร์ (19 มี.ค.) ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตต่างๆของกรุงปารีสที่แบ่งเป็น 16 เขตจะต้องกักตัวเองอยู่ในที่พักอาศัย จะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างที่กำหนดไว้เท่านั้น ร้านค้าที่ขายสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพเท่านั้นที่ยังสามารถเปิดให้บริการ นอกจากนี้ยังมี ข้อห้ามการเดินทางข้ามแคว้นต่างๆ ผู้ที่จะเดินทางออกนอกรัศมี 10 กิโลเมตรจากบ้านและผู้ที่ต้องการเดินทางออกจากบ้านยามค่ำคืน จำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งวัตถุประสงค์และความจำเป็นของการเดินทาง
แม้ว่า การล็อกดาวน์ครั้งใหม่ นี้ซึ่งเป็นครั้งที่สอง และห่างจากครั้งแรกราว 1 ปี (การล็อกดาวน์ครั้งแรกเพื่อสกัดโควิด-19 ในประเทศฝรั่งเศสเกิดขึ้นในเดือนมี.ค. 2563) จะมีความเข้มงวด แต่รายงานข่าวระบุว่ายังมีการผ่อนคลายมากกว่าเมื่อครั้งประกาศล็อกดาวน์ครั้งแรก
ทั้งนี้ ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ฝรั่งเศสมีการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศอยู่แล้ว โดยห้ามประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 06.00 น. แต่ก็เห็นได้ชัดว่า แม้มีมาตรการเคอร์ฟิวมา 2 เดือน ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ยังคงพุ่งสูงอยู่ ดังนั้น นายกัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีจึงออกมาแถลงว่า การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่จึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่รัฐจะพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ให้ได้โดยไม่บีบคั้นความเป็นอยู่ของประชาชนมากจนเกินไป
ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งเอา ๆนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นจากยอดเฉลี่ยราว ๆ 10,000 ราย/วัน เป็นมากกว่า 20,000 ราย/วัน และเมื่อวันพฤหัสฯที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสก็ได้บันทึกสถิติสูงสุดครั้งใหม่ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันที่ 34,998 ราย ซึ่งมากกว่าอัตราเฉลี่ยรายวันในประเทศอังกฤษถึง 7 เท่า
ขณะเดียวกัน ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลในกรุงปารีสก็ใกล้ถึงขีดสุดแล้ว “สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้ว และเราคงต้องลำบากยากเย็นเช่นนี้ไปจนถึงกลางเดือนเม.ย.” นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าว หลังเข้าเยี่ยมรับทราบสถานการณ์ที่โรงพยาบาล โดยเขาระบุว่า การแพร่ระบาดระลอกใหม่ซึ่งเป็นระลอกที่สามในฝรั่งเศส ส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ที่มาจากประเทศอังกฤษ ในบรรดาผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดนั้นพบว่าประมาณ 73% ติดเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ที่ตรวจพบครั้งแรกในอังกฤษ และแพร่ระบาดได้ไวกว่าเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝรั่งเศสเข้าสู่การแพร่ระบาดของโควิดระลอก 3 หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทำสถิติใหม่
ฝรั่งเศสทำสถิติ พบติดเชื้อโควิดรายใหม่เกือบ 30,000 ภายในวันเดียว รพ.รองรับผู้ป่วยเต็มพิกัด