ย้อนรอยเส้นทางเชื่อมโยง “โควิดสถานบันเทิง” กรุงเทพฯ-ปริมณฑล

หากจะย้อนรอยเส้นทางเชื่อมโยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากคลัสเตอร์สถานบันเทิงในย่านกทม.และปริมณฑล ซึ่งเริ่มแสดงผลชัดเจนในวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น จะเห็นชัดว่ามาตรการ "ปิดพื้นที่" เพื่อ "ล็อกโซน" ควบคุมนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อข้ามเขต ซึ่งรวมถึงการข้ามเขตจังหวัดนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 เม.ย. เวลา 20.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ก็ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ถึง แนวทางควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า การประชุมครั้งนี้เนื่องจากมี การระบาดในสถานบันเทิงหลายแห่งในกรุงเทพฯ

ทางคณะกรรมการฯจึงมีความเห็นว่าสถานบันเทิงใดๆ ที่มีการแพร่ระบาด เช่น สถานบันเทิงในเขตวัฒนา 81 แห่ง และสถานบันเทิงในเขตคลองเตย อีก 75 แห่ง รวมถึงสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเขตบางแค ติดเชื้อ 27 คน ดังนั้น จึงมีมติให้ปิดสถานบันเทิงใน 3 เขต ประกอบด้วย เขตคลองเตย เขตวัฒนา (ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ย่านทองหล่อ) และเขตบางแค ตั้งแต่วันที่ 6-19 เม.ย.นี้

ซึ่งจากการปิดสถานที่เพื่อล็อกโซน ค้นหา และประเมินสถานการณ์ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาได้ตรวจไปแล้ว 1,177 ราย พบว่ามีผลเป็นบวก 118 ราย มีผลเป็นลบ 329 ราย และรอผลอีก 720 ราย ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ทองหล่อในพื้นที่เขตคลองเตย และเขตวัฒนา ส่วนเขตบางแคพบผู้ติดเชื้อในสถานบันเทิง 27 ราย ทำให้ กทม.ต้องออกมาตรการโดยปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ 3 เขตดังกล่าว

ทั้งนี้ หากจะ ย้อนรอยเส้นทางเชื่อมโยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จาก คลัสเตอร์สถานบันเทิงในย่านกทม.และปริมณฑล ซึ่งเริ่มแสดงผลชัดเจนในวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น จะเห็นชัดว่ามาตรการปิดพื้นที่เพื่อล็อกโซนควบคุมพื้นที่นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อข้ามเขต ซึ่งรวมถึงการข้ามเขตจังหวัดนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนหนึ่งเกิดจาก พฤติกรรมของผู้เที่ยวสถานบันเทิง ที่มักย้ายสถานที่กินดื่มมากกว่า 1 แห่งในคืนเดียวหรือการวิ่งงานมากกว่า 1 ที่ของนักดนตรี ทำให้ภายในเวลาสั้น ๆเพียงคืนเดียวสามารถเกิดผู้ติดเชื้อใหม่และผู้สัมผัสทั้งความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำอีกเป็นจำนวนมาก ดังตัวอย่างไทม์ไลน์ของกรณีการติดเชื้อในคลัสเตอร์สถานบันเทิงใจกลางกทม.และปริมณฑล ที่มีสถานบันเทิงหลายแห่งเกี่ยวเนื่อง และเชื่อมโยงผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 71 ราย

ย้อนรอยเส้นทางเชื่อมโยง “โควิดสถานบันเทิง” กรุงเทพฯ-ปริมณฑล

ย่านปริมณฑล

วันที่ 13 มี.ค. 64 นักศึกษารายหนึ่งเริ่มมีอาการป่วย จากนั้นวันที่ 16 มี.ค. 64 นักศึกษาไปเที่ยวผับชมดาว พร่างพร้าว ณ ก้ำกึ่ง ย่านรังสิต จ. ปทุมธานี (มีผู้ติดเชื้อ 5 ราย) จากนั้นไปเที่ยวร้าน Booze up ย่านปทุมธานี (มีผู้ติดเชื้อ 6 ราย)

วันที่ 17 มี.ค. 64 ตรวจพบผู้ติดเชื้อร้าน The Moon Bar บางใหญ่ จ.นนทบุรี จำนวน 8 ราย (เป็นนักเที่ยว 2 ราย และผู้สัมผัส 6 ราย)

วันที่ 22 มี.ค. 64 พบกลุ่มครอบครัวนักร้องนักดนตรีที่ไปเล่นดนตรี ร้องเพลง และไปเที่ยว จำนวน 5 คน (กลุ่มนี้เริ่มป่วยในวันที่ 22 มี.ค. และตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 26 มี.ค. 64) พบเส้นทางการไปเล่นดนตรีและไปเที่ยวในผับ-สถานบันเทิงต่าง ๆ หลายแห่ง ดังนี้

วันที่ 14 มี.ค. 64 ร้านหัวราน้ำ ย่านเพชรเกษม 81

วันที่ 16 มี.ค. 64 ร้าน The Lounge นครปฐม

วันที่ 17 มี.ค.64 ร้านเมรี่ สนามบินน้ำ นนทบุรี

วันที่ 18 มี.ค.64 ร้านเลิศเหล้า พุทธมณฑลสาย2

วันที่ 19 มี.ค. 64 ร้าน next 69 ตลาดบัวขวัญ นนทบุรี

วันที่ 20 มี.ค. 64 ร้าน next studio ถนนข้าวสาร กทม.

ในพื้นที่นครปฐม ยังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดที่ร้าน The Lounge Salaya อีก 7 ราย (เป็นนักเที่ยว 5 ราย พนักงาน 1 ราย และผู้สัมผัส 1 ราย)

ขณะที่ ย่านบันเทิงในกทม. พบผู้ติดเชื้อ ดังนี้

ผับคริสตัล ทองหล่อ 25 ( ตรวจพบ 21 ราย เป็นนักเที่ยว 11 ราย พนักงาน 7 ราย ผู้สัมผัส 3 ราย)

ร้านบ้านพหล คาเฟ่แอนด์บาร์ ย่านจตุจักร (ตรวจพบ 3 ราย เป็นนักเที่ยว 2 ราย ผู้สัมผัส 1 ราย)

ร้าน Ekamai Beer House (ตรวจพบ 8 ราย เป็นนักเที่ยว 2 ราย ผู้สัมผัส 6 ราย)

ผับบลา บลา บาร์ ทองหล่อ และ Dollar Bangkok (ตรวจพบ 5 ราย เป็นนักเที่ยว 4 ราย ผู้สัมผัส 1 ราย)