สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้( 22 เมษายน 2564) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 237 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในระลอกเดือนเมษายนของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 2,819 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,597 ราย
สำหรับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น มาจาก 3 คลัสเตอร์ ได้แก่ คลัสเตอร์เรือนจำกลาง อำเภอแม่แตง จำนวน 37 ราย ซึ่งไม่ได้เป็นการระบาดในแดนผู้ต้องขัง แต่เป็นผู้ต้องขังแรกรับ ที่พบจากการตรวจในระหว่างกักตัวตามมาตรการ 14 วัน ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 37 ราย ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่
คลัสเตอร์ต่อมาคือ พบผู้ติดเชื้อจากศูนย์เด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ โดยเกิดจากคุณครูที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งจากการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด 120 ราย พบว่ามีเด็กในศูนย์เด็กเล็กอายุ 4-6 ปี ติดเชื้อทั้งหมด 14 ราย และอีก 2 ราย เป็นผู้ใหญ่
ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลนครพิงค์และโรงพยาบาลดอยสะเก็ด ร่วมกับทางอำเภอดอยละเก็ด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจขึ้น เพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้
สำหรับคลัสเตอร์ที่ 3 คือ สถานปฏิบัติธรรม ที่ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ พบว่าเกิดขึ้นจากการร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมและทานอาหารร่วมกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์จำนวน 44 คน ซึ่งจากการตรวจหาเชื้อในกลุ่มดังกล่าวพบว่ามีผู้ร่วมกิจกรรมติดเชื้อจำนวน 23 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อของจังหวัดเชียงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 21 ราย และอีก 2 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดลำพูน โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 21 ราย ได้ถูกนำเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม มหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว
ขณะที่มาตรการการค้นหาเชิงรุกด้วยการสุ่มตรวจกลุ่มตัวอย่างตามสถานที่สาธารณะสำคัญ ขณะนี้ทำการตรวจแล้วทั้งหมด 2,133 ราย พบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวน 34 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.59 จากจำนวนทั้งหมดที่สุ่มตรวจ
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ได้สูงขึ้นแบบก้าวกระโดดว่า เกิดจากการตรวจเชิงรุก ทำให้พบการระบาดใน 3 คลัสเตอร์ใหม่ คือเรือนจำ ศูนย์เด็กเล็ก และสถานปฏิบัติธรรม
"ลักษณะของการติดเชื้อในระลอกนี้พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มในการทำกิจกรรม การสังสรรค์ และการพบปะกันในโอกาสต่าง ๆ โดยละเลยมาตรการควบคุมโรค โดยเฉพาะการไม่สวมหน้ากากอยามัย และเว้นระยะห่าง ขณะทำกิจกรรมร่วมกัน จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นสำคัญ และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ซ้ำรอย"
ขณะที่แนวโน้มสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่พบว่ามีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างอำเภอมากขึ้น เห็นได้จากยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นของเขตต่างอำเภอ และจากสถิติพบว่ามีการแพร่ระบาดในกลุ่มครอบครัวเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 15.1 ในขณะที่การระบาดกลุ่มสถานบันเทิงลดน้อยลงจากมาตรการปิดสถานบันเทิงและสถานบริการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดนั้นอยู่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น
"ขอเน้นย้ำให้ประชาชนรักษามาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% รักษาระยะห่าง ล้างมือให้บ่อยครั้ง สแกนแอพพลิเคชันไทยชนะ และงดงานเลี้ยงสังสรรค์ การรวมกลุ่ม เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดในคลัสเตอร์ล่าสุด"
ทั้งนี้หากมีอาการไข้ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เข้ารัการตรวจหาเชื้อได้ที่ รพ ประจำอำเภอ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง