28 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการเจรจาจัดซื้อวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ว่า มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติและไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ได้ร่วมกันตรวจสอบแล้ว จึงขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อลดความเข้าใจผิดและข้อกล่าวหาใน 3 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นแรก ไฟเซอร์ไม่เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดส แต่ไฟเซอร์ได้นำตัวเลขแผนการจัดหาวัคซีนของไทยช่วงปี 2563 ที่มีแผนการจัดซื้อวัคซีนแบบทวิภาคีหรือซื้อตรงกับผู้ผลิตคิดเป็น 10% ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 6.5 ล้านคน รวม 13 ล้านโดส ไปเสนอบริษัทแม่ (Head Office) ว่าจะมีวัคซีนเพื่อนำเสนอขายให้ประเทศไทยหรือไม่ จึงไม่ใช่ตัวเลขที่เสนอขายให้ไทย
ประเด็นที่สอง การซื้อวัคซีนไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนให้ใช้ก่อนค่อยจ่ายทีหลัง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเอกสารสัญญาการจองซื้อจากไฟเซอร์ทุกฉบับที่เจรจากันมาตั้งแต่ต้นปี 2564 มีเงื่อนไขการจองที่ต้องวางเงินมัดจำทั้งสิ้น และไม่มีข้อเสนอจัดส่งวัคซีนให้ใช้ก่อนแต่อย่างใด ซึ่งในสถานการณ์ที่แย่งชิงวัคซีนกันทั่วโลก ไม่มีบริษัทใดให้ใช้วัคซีนก่อนแล้วจ่ายเงินภายหลัง
ประเด็นสุดท้าย ไฟเซอร์เสนอรัฐบาล 4 รอบแต่ถูกปฏิเสธ ก็ไม่เป็นจริง เรามีการเจรจามาโดยตลอด ทำให้ได้รับทราบข้อมูลการพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์อย่างต่อเนื่อง เช่น ความคงตัวของวัคซีนจากข้อจำกัดที่ต้องเก็บวัคซีนในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียสเหลือเพียง -20 องศาเซลเซียส ทำให้สะดวกในการจัดเก็บและขนส่งในไทยมากขึ้น การใช้วัคซีนในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปซึ่งกำลังรออนุมัติจาก อย.สหรัฐอเมริกา รวมถึงเงื่อนไขที่สามารถจัดส่งวัคซีนได้ในช่วงต้นของไตรมาส 3 ทำให้การเจรจามีความเป็นไปได้มากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำผู้บริหารกระทรวงฯหารือกับทางไฟเซอร์ จนได้ความชัดเจนว่า ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคจองซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ รวมทั้งการเจรจาร่างเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงเงื่อนไขและส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด เนื่องจากวัคซีนของไฟเซอร์ช่วยปิดช่องว่างกลุ่มประชากรนักเรียน ที่มีแนวโน้มอาจทำให้เกิดการระบาดขนาดใหญ่ได้ จากการมารวมกลุ่มกันในโรงเรียน นายแพทย์นครกล่าว
อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ 100 ล้านโดสโดยได้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนหลายราย ทั้งเรื่องจำนวนวัคซีนและระยะเวลาส่งมอบ เงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องส่งมอบได้ภายในปีนี้
สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทยโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้นถือว่าประสบความสำเร็จส่งตรวจคุณภาพแล้ว 2 รุ่นการผลิต และรุ่นการผลิตถัดไปอยู่ระหว่างรอผลการตรวจคุณภาพจากห้องปฏิบัติการกลางที่สกอตแลนด์และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ จากการหารือกับแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ยืนยันว่า จะผลิตและส่งมอบวัคซีนให้ได้ตามแผนที่กำหนดในช่วงต้นเดือนมิถุนายนหรืออาจเร็วกว่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง