นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่องปัจจุบัน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับรายงานว่ามีผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานพันธมิตรภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับการตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ไปจำนวนหลายราย ซึ่งในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีพนักงานและลูกจ้างของฝ่ายขนส่งทางอากาศติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 34 คน
เมื่อได้รับทราบ ก็ได้มีการดำเนินการและกำชับให้หน่วยงานมีการดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ใช้บริการรวมถึงสวัสดิภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานภายใน ทสภ. เป็นสำคัญ ซึ่ง ทสภ. ได้มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
1. ให้ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยและมีความเสี่ยงสูงได้เข้าทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด - 19 และสั่งการให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องทำการกักตัว 14 วัน โดยได้จัดให้พนักงานฝ่ายอื่นมาปฏิบัติงานเเทนซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของทสภ.
2. ทสภ. ดำเนินการทำความสะอาดโดยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดแบบ Deep cleaning ในบริเวณพื้นที่ที่ผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงสูงปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานและผู้มาใช้บริการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และตามคำแนะนำของสาธารณสุข
3. ในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) โดยฝ่ายการแพทย์ประสานสาธารณสุขอำเภอบางพลี และโรงพยาบาลบางพลีเพื่อดำเนินการรวมทั้งจัดเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจดังกล่าว
4. ให้พนักงานและลูกจ้างฯ สวมใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือในขณะปฏิบัติหน้าที่ และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงการรักษาระยะห่าง
5. แบ่งพื้นที่ในการทำงานของแต่ละส่วนงาน ให้มีพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) เป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราวแทนได้ โดย ทสภ. ได้จัดหาพื้นที่กักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และจะเพิ่มพื้นที่กักตัวในกรณีที่มีผู้มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นจากเดิม
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ทสภ. ได้มีการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่สาธารณสุขกำหนด โดยให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) อย่างน้อยร้อยละ 80 ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนเมษายน พ.ศ.2564 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 และเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน รวมถึงบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสต่าง ๆ
เช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน แบบ Deep Cleaning อย่างต่อเนื่องทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และได้ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคนรวมถึงผู้ปฏิบัติงานต้องถือปฏิบัติยึดหลักบินวิถีใหม่ D – M – H – T – T ซึ่งประกอบด้วย D (DISTANCING) เว้นระยะห่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น M (MASK- WEARING) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H (HAND WASHING) หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ T (TEMPERATURE CHECK) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและ T (THAICHANA) สแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ
ที่ผ่านมา ทสภ. ได้ให้ความสำคัญกับพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่เป็นด่านหน้าในการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งใกล้ชิดผู้โดยสาร และมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค Covid-19 ทสภ. จึงได้สนับสนุนพื้นที่ในการให้บริการจุดฉีดวัคซีน สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ณ ทสภ. บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 9 บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน Row U และ W
โดย ทสภ. ต้องขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยานที่ได้ให้การสนับสนุนวัคซีนสำหรับผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยงานภายใน ทสภ.
โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานไปแล้วกว่า 4,371 คน ซึ่งจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการภาคพื้น รวมถึงพนักงานในเขตพื้นที่เขตปลอดอากรก่อนเป็นการเร่งด่วน และจะทยอยฉีดให้ผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ จนครบทุกคนภายในเดือนมิถุนายน 2564
นายแพทย์ ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6 ได้กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จากการระบาดในระลอกนี้ ที่เราเรียกว่าระลอกที่ 3 เรามีผู้ป่วยที่พบอยู่ในบริเวณที่ทำการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีอยู่ด้วยกัน 4 คลัสเตอร์ด้วยกัน ถ้าได้ดูจากการแถลงข่าวของ ศบค. วันนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายละเอียดกับแนวทางการปฏิบัติ และในคลัสเตอร์รอบนี้เราเจอคลัสเตอร์ในบริษัทเอกชน ในส่วนของไปรษณีย์ในรอบแรก ๆ เราเจอมาตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน เราก็ติดตาม ในเวลาที่เราเจอผู้ป่วยเราก็พยายามที่จะดูในมาตรการที่ทำให้เกิดความปลอดภัยให้กับทุกส่วน
เพราะคลัสเตอร์แรกที่เป็นบริษัทเอกชน สามารถดูแลไปถึงพ้นระยะของการติดต่อแล้ว คลัสเตอร์นี้เราเจอไปถึง 55 ราย แต่ตอนนี้พ้นระยะการติดต่อแล้ว แต่เราก็มีการเฝ้าระวังต่อ ส่วนที่เราดำเนินการอยู่ในขณะนี้ก็จะมีส่วนของการบินไทยของบริษัทที่เกี่ยวข้องกันการขนส่ง และส่วนที่เกี่ยวข้องกับไปรษณีย์
สำหรับยอดผู้ติดเชื้อในวันที่16พ.ค.64 มีทั้งหมด 126 ราย แต่ตัวเลขยังมีการเปลี่ยนเพราะผลการตรวจจะมาเป็นระยะ ซึ่งยอดที่รอผลการตรวจยังมีอยู่อีกประมาณ 190 ราย ซึ่งตอนนี้บางส่วนเข้ากักตัวแล้ว ที่เราใช้คำว่า แลคติกโฮมคอลันทีน และในการที่ทำให้เกิดแต่ละคลัสเตอร์นั้นจะเป็นเรื่องของการเคลื่อนที่ไปพบปะของแต่ละคน ช่วงก่อนหน้านี้ที่เกิดการติดเชื้อทั้งประเทศ ก็เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของมวลชน การพบปะกันในชุมชนต่าง ๆ และจากการที่มีคนกลุ่มหนึ่งกลับไปในช่วงของสงกรานต์ด้วย ก็จะมีความต่อเนื่องตรงนี้
เรื่องของโควิดในบางส่วนไม่มีอาการ บางทีคนที่เดินมาในระหว่างกันไม่มีอาการก็แพร่กระจายเชื้อได้ ตรงนี้เป็นการยากพอสมควรที่จะแยกเลยทีเดียว แล้วก็ในการที่เราดูในการที่เกิดเคส ถ้าเทียบกับคลัสเตอร์ของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเทียบกับรอบนอกทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตรงนี้ถือว่าเป็นคลัสเตอร์เล็ก และสามารถตรวจจับได้เร็ว อันนี้เป็นการเปรียบเทียบให้ดูก่อน แต่ด้วยความที่เป็นสนามบินสุวรรณภูมิเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องมาตรการความปลอดภัย ก็ได้มีการน้ำกรณีที่เราเจอผู้ป่วย มามองหากลุ่มเสี่ยงสูง และดำเนินการตรวจคัดกรองแยกออกมาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ข่าวเกี่ยวข้อง: