จากกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในหลากหลายมิติ รวมถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อโควิดด้วย โดย เฟซบุ๊ก มูลนิธิชัยพัฒนา ได้อธิบายเกี่ยวกับ ระบบแลกเปลี่ยนอากาศแรงดันลบแบบสมบูรณ์ รวมถึงความจำเป็น และบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งมีใจความ ดังนี้
ระบบแลกเปลี่ยนอากาศแรงดันลบแบบสมบูรณ์ คืออะไร
มีความจำเป็นอย่างไร
ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19
คำตอบ คือ…ห้องที่ติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนอากาศแรงดันลบแบบสมบูรณ์นี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเปรียบเสมือนด่านหน้า เมื่อคุณหมอคุณพยาบาลปลอดภัย ผู้ป่วยก็จะปลอดภัย
ระบบแลกเปลี่ยนอากาศแรงดันลบแบบสมบูรณ์ จะนำ “อากาศสะอาด” หรือที่เรียกว่า “Fresh Air 100 %” เติมเข้าสู่ห้องผู้ป่วยตลอดเวลา อากาศในห้องผู้ป่วยที่มีเชื้อโรคจะถูกดูดออกจากห้องอย่างรวดเร็ว และไม่นำอากาศเดิมภายในห้องกลับมาใช้ซ้ำ
เครื่องระบายอากาศสมบูรณ์แบบนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ แผ่นฟิลเตอร์สามารถกรองอากาศได้ละเอียดที่ 0.1 ไมครอน ขณะที่เชื้อไวรัสโควิดมีขนาดเฉลี่ย 0.125 ไมครอน อีกทั้งยังสามารถควบคุมความชื้นสัมพัทธ์เพื่อป้องกันเชื้อราและเชื้อโรคอื่นๆ ไม่ให้เจริญเติบโตในห้องผู้ป่วย และลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียภายในห้องผู้ป่วยได้ 98.3%
ระบบแลกเปลี่ยนอากาศแรงดันลบแบบสมบูรณ์นี้คิดค้นโดยคนไทย ได้มาตรฐานสากลขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO มีความปลอดภัยมาตรฐานศูนย์การควบคุมเชื้อโรค CDC USA และผ่านการทดสอบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และภาควิชาจุลชีววิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานงบประมาณจากกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19ฯ จัดสร้าง “ระบบแลกเปลี่ยนอากาศแรงดันลบแบบสมบูรณ์ ( True Negative Pressure )” แก่ 9 โรงพยาบาล ในทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิดครั้งแรก ประกอบด้วย
ภาคเหนือ-โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก
ภาคตะวันออก-โรงพยาบาลชลบุรี
ภาคกลาง-โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า นนทบุรี / โรงพยาบาลชลประทาน กรุงเทพฯ / โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และ โรงพยาบาลปากช่องนานา จังหวัดนครราชสีมา
ภาคใต้-โรงพยาบาลยะลา และโรงพยาบาลท่าแพ จังหวัดสตูล
ปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลมีความต้องการติดตั้งระบบนี้ เพราะไม่เพียงแต่การรักษาผู้ป่วยโควิดเท่านั้น แต่ยังนำมาปรับใช้กับคนไข้โรคมะเร็ง คนไข้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง คนไข้ติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น วัณโรค ได้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง