วันที่ 8 มิ.ย. 64 คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับ “โครงการวัคซีนโควิด19” ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2564 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564
โดยมติครม.วันนี้มีในส่วนของโครงการวัคซีนโควิด19 นั้น เป็นการรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมควบคุมโรค ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส
จากเดิมครม.เคยเห็นชอบโครงการในช่วงเวลา 5 เดือน คือ เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2564 ขยายเป็นระยะเวลา 7 เดือน เป็นเดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2564) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในการจัดซื้อจัดหาและส่งมอบวัคซีน
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) พบว่า มติครม.เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ครม.อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค ระยะเวลาดำเนินการ 5 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2564
กรอบวงเงิน 6,378.2250 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1.2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ และมอบหมายให้กรมควบคุมโรคเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
ซึ่งจากข้อมูลของกรมควบคุมโรค พบว่า โครงการวัคซีนโควิด เพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดสดังกล่าวเป็นการซื้อวัคซีนยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จํากัด ในประเทศไทย แต่ต้องชําระค่าใช้จ่ายให้แก่บริษัท AstraZeneca ที่ประเทศอังกฤษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :