ชนวนเลื่อนฉีดวัคซีนในกทม.“ไทยร่วมใจ”แทรกคิว“หมอพร้อม”

14 มิ.ย. 2564 | 04:20 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2564 | 04:27 น.

ชมรมแพทย์ชนบท เผยชนวนเลื่อนฉีดวัคซีนในกทม.“ไทยร่วมใจ”แทรกคิว“หมอพร้อม”จี้ฉวยวิกฤตเป็นโอกาส ปรับจูนระบบ ให้กลับไปสู่หลักทฤษฎีที่ควรจะเป็น ยิงให้ตรงเป้าสำหรับกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง

ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์บทความเรื่องลับลวงพราง วัคซีนโควิด ตอน 12  : 14-06-64 ระบุว่า ไทยร่วมใจ VS หมอพร้อม ใครใน กทม.ที่ควรได้ฉีดวัคซีนก่อนกัน

เมื่อ 14 วันที่ผ่านมา ชมรมแพทย์ชนบทได้เสนอแนวทาง “กระสุนมีน้อย เทแอสตร้าหมดหน้าตัก ให้กับพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เพื่อควบคุมการระบาดให้อยู่หมัด” ซึ่งได้รับการตอบรับจากสาธารณะมากกว่าที่คาด  รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็เห็นด้วย จนเสมือนเป็นการเคลียร์ทางให้รัฐบาล  จัดสรรวัคซีนลงพื้นที่กรุงเทพมากกว่าต่างจังหวัดอย่างสะดวกใจ

ในขณะนั้น ข้อเสนอของชมรมแพทย์ชนบทและนักระบาดวิทยาเห็นตรงกันว่า  วัคซีนคืออาวุธหนักที่มีค่า ต้องยิงให้ถูกจุด คือ ยิงไปที่จุดที่มีการระบาดชัดเจน เช่นแคมป์ก่อสร้าง ตลาด พื้นที่ชุมชนแออัด หรือโรงงานที่ระบาด ฉีดทุกเพศทุกวัยที่เกิน 18 ปี เพื่อสร้างภูมิแล้วการระบาดจะได้ชะลอตัว 

และอีกจุดที่ต้องระดมยิงคือ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค เพราะคนกลุ่มนี้หากติดโควิด จะป่วยหนักและทำให้ภาวะ ICU ที่ปริ่มๆจะล้นอยู่แล้ว จะทะลักจน ICU ไม่พอ อัตราตายก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยที่กลุ่มนี้มีทั้งที่ลงหมอพร้อมไว้ในเดือนมิถุนายน  450,000 คน และคนที่ลงหมอพร้อมไว้ในเดือนถัดๆไป ซึ่งได้รอคิวตามระบบด้วยความอดทน 

รวมทั้งยังมีคนผู้สูงอายุอีกพอสมควรที่ไม่ได้ลงหมอพร้อมไว้ หรืออาจเพราะลูกหลานไม่ได้ช่วยลงให้ เป็นผู้สูงอายุที่อยู่ติดบ้านหรือติดเตียงในชุมชน ที่ควรได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนก่อนเช่นกัน  แต่เขากลับยังเข้าไม่ถึงโอกาสในการได้ฉีดวัคซีน

ชนวนเลื่อนฉีดวัคซีนในกทม.“ไทยร่วมใจ”แทรกคิว“หมอพร้อม”

แต่แล้ว เมื่อถึงเวลา kick off จริง  ปรากฏว่า เกิดภาพที่สังคมไม่สบายใจ ที่รายชื่อจากเครือข่ายไทยร่วมใจ พาคนหนุ่มสาว คนทำงานบริษัท จำนวนหลายหมื่นคน มารับบริการฉีดวัคซีน แซงหน้าผู้สูงอายุที่รอคิวหมอพร้อมที่ต้องนั่งดูตาปริบๆ  แม้ว่าคนหนุ่มคนสาวจากไทยร่วมใจไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะระบบเปิดให้เขามาฉีดได้ ด้วยความคล่องตัวกว่า เข้าถึงโลกออนไลน์ง่ายกว่า เดินทางสะดวกกว่า ก็เลยได้รับวัคซีนไปก่อนด้วยความยินดีปรีดา  เขาไม่ผิด แต่คนที่ผิดก็คือคนที่เปิดระบบให้ไทยร่วมใจมาแทรกคิวต่างหาก

หากมองในอีกมุมหนึ่ง การยุติการระบาด คือการทำให้คน กทม.ได้ฉีดวัคซีนเกิน 70%ให้เร็วที่สุด  ดังนั้นด้วยทฤษฎีความเร็ว การนำคนหนุ่มสาวมาฉีดก่อนนั้น จะช่วยให้ความเร็วในการเข้าถึงเป้า 70%ได้เร็วขึ้น  แนวคิดนี้ก็ใช้ได้  แต่ครั้งนี้น่าจะใช้ไม่ถูกจังหวะ  หากวัคซีนมีมากนั้นไม่เป็นไร ทั้งหมอพร้อม ไทยร่วมใจ ผู้ลงทะเบียน walk in มาฉีดให้มากที่สุดนั้นก็ไม่ว่ากัน

แต่เพราะมิถุนายนนี้เป็นเดือนที่วัคซีนมีน้อย กรุงเทพจะได้รับจัดสรรกี่ล้านโดสก็ยังสับสน ซึ่งควรต้องเคลียร์ยอดกับ ศบค.ให้แน่นอน และ ควรต้องยิงให้ตรงจุด กล่าวคือ ผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ยังควรเป็นเป้าหมายหลัก

การที่วัคซีนขาดแคลนหนักใน กทม.ในช่วงสองสามวันนี้  จึงควรฉวยวิกฤตเป็นโอกาส ปรับจูนระบบ ให้กลับไปสู่หลักทฤษฎีที่ควรจะเป็น บัดนี้คนต่างจังหวัดเขายอมเสียสละวัคซีนส่วนที่เขาควรได้รับ เพื่อให้คน กทม.และปริมณฑลได้ฉีดก่อนแล้ว ก็ขอให้นำวัคซีนที่มีน้อยนี้ ยิงให้ตรงเป้าสำหรับกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาดหรือกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง  เดือนหน้าหากวัคซีนมามากจริงตามที่รัฐบาลชี้แจง (ซึ่งหวังว่าจะจริง) กลุ่มไทยร่วมใจ คนหนุ่มสาว คนในระบบประกันสังคมนอกพื้นที่ระบาด ก็ค่อยมาร่วมแบ่งปันด้วย น่าจะดีที่สุด

ศบค.เงาอย่างชมรมแพทย์ชนบทได้เพียงแค่เสนอ ก็หวังว่า คบค.จริงจะรับไปพิจารณา

ข่าวเกี่ยวข้อง: