จากความต้องการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การจัดสรรวัคซีนหลักยังไม่เข้าล็อก ทำให้แผนการฉีดไม่ลงตัวตามที่วางไว้ “วัคซีนทางเลือก” ที่เปิดทางให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถฉีดให้บริการกับคนไทยได้ จึงเป็นความหวังของคนไทยจำนวนหนึ่งต้องการให้เข้ามาอย่างเร็วที่สุด ล่าสุด ที่ประชุมร่วมระหว่าง สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในฐานะหน่วยงานรัฐที่เป็นตัวแทนในการสั่งซื้อ วัคซีนโมเดอร์นา กับผู้นำเข้าอย่าง บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ได้สรุปไทม์ไลน์ออกมาแล้ว
โดย ไทม์ไลน์การสั่งซื้อวัคซีน “โมเดอร์นา” จะแบ่งออกเป็น 2 เส้นทางคือ ไทม์ไลน์ระหว่าง อภ. กับบริษัท ซิลลิค โดยเริ่มต้นในเดือนพ.ค. หลังจากที่วัคซีนโมเดอร์นา ได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ในวันที่ 13 พ.ค. หลังจากนั้นอภ. ได้จัดทำร่างสัญญา Supply Agreement พร้อมตรวจสอบในต้นเดือนมิ.ย. และเมื่อผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ จะส่งต่อร่างสัญญาให้อัยการสูงสุดตรวจสอบในเดือนก.ค. ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญา Supply Agreement กับบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ในต้นเดือนส.ค.
ขณะที่ไทม์ไลน์ของอภ. กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน จะต้องยืนยันยอดจองวัคซีนภายในวันที่ 20 มิ.ย. พร้อมกับแจ้งจำนวนการจัดสรรให้สมาชิกแต่ละราย (รายชื่อโรงพยาบาลเอกชนและตัวเลขการจองวัคซีน) ก่อนที่จะลงนามสัญญาซื้อขายและเงื่อนไขต่างๆ พร้อมให้โรงพยาบาลที่สั่งซื้อวัคซีนโอนเงินเข้าบัญชีอภ. แบบ 100% ในเดือนก.ค.
เบื้องต้น คาดว่าการส่งมอบวัคซีนโมเดอร์นา จะมีขึ้น 3 ลอต ดังนี้
คาดว่าวัคซีนโมเดอร์นา จะถูกนำไปใช้ฉีดเป็นเข็มที่ 2 หรือ เข็มที่ 3 (บูสเตอร์) ให้กับคนไทย เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่สั่งจองไว้ตามกำหนดเวลาที่แจ้งไว้คือเดือนต.ค. อาจจะถูกฟ้องร้องเรียกเงินคืนหรือเรียกค่าเสียหายได้
ส่วน ยอดจองวัคซีนจำนวน 10 ล้านโดส พบว่า มีโรงพยาบาลเอกชนสั่งจองทั้งสิ้นจำนวน 129 แห่ง แบ่งเป็นยอดจอง 1-100 ขวด จำนวน 85 แห่ง , 101-1,000 ขวด จำนวน 47 แห่ง , 1,001-10,000 ขวด จำนวน 19 แห่ง , 10,001- 100,000 ขวด จำนวน 4 แห่ง และมากกว่า 100,001 ขวด จำนวน 1 แห่ง โดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้นำเสนอแพ็กเกจฉีดวัคซีนโมเดอร์นาในราคาเข็มละ 1,900 บาทหรือ 2 เข็ม ราคา 3,800 บาท (รวมค่าบริการฉีดและประกันวัคซีนโควิด-19) ซึ่งยังต้องรอความเห็นชอบจากอภ.ก่อนที่จะกำหนดเป็นราคาจริง
ด้านนายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าวันนี้คนไทยต้องการวัคซีนกันมาก เพราะเชื่อว่าจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันจากไวรัสโควิด-19 ได้ และวัคซีนทางเลือกก็เป็นวัคซีนหนึ่งที่คนต้องการฉีด และยินดีที่จะจ่ายเงินเอง ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระรัฐ ให้รัฐนำวัคซีนที่มีอยู่ไปฉีดให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหากรัฐสั่งนำเข้าวัคซีนได้เร็วแค่ไหน ก็มีวัคซีนฉีดให้กับคนไทยมากขึ้นเท่านั้น
“วันนี้คนไทยต้องการวัคซีน และเชื่อว่าภาคธุรกิจทุกคนก็ต้องการให้มีการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด หากไม่ทันในไตรมาส 3 ก็ให้ทันภายในปีนี้ เพื่อเป็นการลดการระบาดหนักเช่นทุกวันนี้ ซึ่งยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นหลักพัน รวมทั้งพบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์อีกด้วย”
อย่างไรก็ดี THG ได้สั่งจองวัคซีนโมเดอร์นาไปจำนวน 5 ล้านโดส พร้อมเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนฉีดวัคซีนไว้ล่วงหน้าทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไปและองค์กรแล้ว ซึ่งปัจจุบันมียอดลงทะเบียนรวมกว่า 4 ล้านโดส
ขณะที่ นายธานี มณีนุตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ทั้ง 11 แห่ง ได้สั่งจองวัคซีนโมเดอร์นาผ่านทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนไปแล้ว คาดว่าจะได้รับวัคซีนในไตรมาส 4 หรือราวเดือนต.ค. นี้ นอกจากนี้โรงพยาบาลยังได้ทำหนังสือยื่นความจำนงให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มต่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ด้วยเช่นกัน
ล่าสุด มีตัวแทนจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) ติดต่อนำเสนอวัคซีนโควิด-19 เข้ามา ซึ่งบริษัทเองสนใจและได้เข้าร่วมจัดซื้อวัคซีน J&J ด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพราะอยากให้มีวัคซีนหลากหลายสำหรับให้ประชาชนทั่วไปได้ฉีด ทั้งนี้เครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ ได้จัดทำ LineOA: @Dr.PRINC หรือคลิก https://lin.ee/VqW2sGd เพื่อให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าลงทะเบียนฉีดวัคซีนทางเลือกได้ โดยออกแบบเป็นการเปิดให้จองวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัคซีน 1 โดส , 2 โดส หรือเป็นบูสเตอร์ ก็ได้
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,688 วันที่ 17 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง