"ฐานเศรษฐกิจ" รายงานว่า แผนการ "ฉีดวัคซีนโควิด" จำนวน 150 ล้านโดส ให้กับประชาชนคนไทย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติรับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 64
ซึ่งเป็นหนึ่งใน "สรุปผลการประชุมศบค." หรือ "คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)"ครั้งที่ 8/2564" เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564" ที่มีการนำเข้ามารายงานให้ที่ประชุมครม.มีมติรับทราบ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64
โดยเรื่องนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ต่อที่ประชุมศบค. ดังนี้
หลักการในการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ของประเทศไทย
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ของประเทศไทย
ได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ทั้งหมด 8,500,000 โดส ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2564 มีผู้ได้รับวัคซีนรายใหม่ จำนวน 215,885 ราย จำแนกเป็น
จำนวนยอดสะสมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 17 มิถุนายน 2564 รวมทั้งสิ้น 7,219,668 ราย จำแนกเป็น
(ร่าง) เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัด เดือนกรกฎาคม 2564
เป้าหมายให้บริการวัคซีน จำนวน 10,000,000 โดส ในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ที่ได้จองฉีดวัคซีนล่วงหน้าในระบบหมอพร้อม (ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง)
พิจารณาให้กรุงเทพมหานครได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างน้อย 5,000,000 โดส ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และพิจารณาให้ภูเก็ตได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564
แผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 จำนวน 150,000,000 โดส ของประเทศไทย
1) ขณะนี้ประเทศไทยมีการจัดหาหรือดำเนินการเจรจาจองวัคซีนแล้ว 105,500,000 โดส แบ่งเป็น
- วัคซีน AstraZeneca จำนวน 61,000,000 โดส
- วัคซีน Sinovac จำนวน 19,500,000 โดส
- วัคซีนPfizer จำนวน 20,000,000 โดส
- วัคซีน Johnson & Johnson จำนวน 5,000,000 โดส
2) เสนอเพิ่มกรอบการจัดหาวัคซีนจาก 100,000,000 โดส ภายในปี 2564 เป็น 150,000,000 โดส ภายในปี 2565
3) วัคซีนที่จัดหาเพิ่มเติมเพื่อรับรองกรณีที่ต้องมีการเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย ให้วัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค หรือกรณีอื่นใดที่ต้องมีการใช้วัคซีนเพิ่มเติม ทั้งนี้ ขึ้นกับผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน และสถานการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์
สถานะการขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ในประเทศไทย ดังนี้
ที่ประชุมศบค.มีความเห็น ดังนี้
1) การจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ในแต่ละจังหวัดควรมีการจำแนกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน อาทิเช่น วัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนทั่วไป วัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใช้แรงงานในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เป็นต้น
2) ควรเร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ให้กับกลุ่มผู้ใช้แรงงานในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ (Cluster) ในโรงงานหรือสถานประกอบการ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมและภาคการส่งออกของประเทศ
3) ควรพิจารณาการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมให้กับพื้นที่ท่องเที่ยวภาคตะวันออก เช่น เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี เกาะช้างและเกาะกูด จังหวัดตราด เป็นต้น ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ รวมทั้งควรจัดสรรวัคซีนในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่มีการระบาดของโรคโควิด - 19 เช่น จังหวัดจันทบุรี สระแก้วเป็นต้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากแรงงานต่างด้าว
ที่ประชุมศบค.มีมติ ดังนี้
1) เห็นชอบหลักการและแผนการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 เดือนกรกฎาคม 2564 ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
2) เห็นชอบแผนการจัดหา/จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ให้ครบ จำนวน 150,000,000 โดส เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนและกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมทั้ง รองรับการใช้วัคซีนเพื่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค หรือกรณีอื่นใดที่ต้องมีการใช้วัคซีนเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :