นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัทธนบุรี เฮลแคร์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ THG ผู้บริหารโรงพยาบาลและธุรกิจดูแลสุขภาพเครือโรงพยาบาลธนบุรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ล่าสุด THG ได้ตรวจสอบไปยังไฟเซอร์และโมเดอร์นา พบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเซ็นสัญญาสั่งซื้อ
ทั้งวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา จึงอยากได้ความกระจ่างว่าทำไมถึงช้า เพราะขณะนี้ประเทศในเอเชียได้กันเกือบทุกประเทศ อย่าง ฟิลิปปินส์ ได้ไฟเซอร์รอบที่ 3 แล้ว รวม 40 ล้านโดส อินโดนีเซียได้วัคซีน mRNA 3 รอบ สิงคโปร์ มาเลย์เซียได้แล้วเหมือนกัน เหลือแค่ประเทศไทย ยังไม่ได้วัคซีน mRNA ซักโดสเลย
“ผมโทรไปสอบถามผู้ผลิตไฟเซอร์และโมเดอร์นา ซึ่งสนิทเป็นการส่วนตัวกับโรงพยาบาลเอกชนในไทยอยู่แล้ว มองไทยเป็นอะไร ทำไมได้วัคซีนช้า ได้คำตอบว่า ไทยไม่ยอมเซ็นสัญญา”
นอกจากนั้นทางโรงพยาบาลเอกชน ยังมองว่าไทยตรวจเชิงรุกน้อยมาก เราตรวจเชิงรุกได้เพียง 5% ซึ่งตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ควรตรวจอย่างน้อย 15% ในต่างประเทศอย่างจีน ไต้หวันหรือเกาหลีใต้ ตรวจเชิกรุกกันมากกว่า 30-40%
ส่วนการฉีดวัคซีน มองว่าไม่เพียงคนชรา หรือ กลุ่มเสี่ยงที่ต้องฉีดก่อนเท่านั้น กลุ่มคนหนุ่มสาว วัยทำงาน ควรได้รับวัคซีนก่อน เพราะกลุ่มนี้ต้องออกไปทำงานทุกวัน ต้องเจอคน
ทั้งนี้เครือโรงพยาบาลธนบุรีวางแผนสั่งซื้อวัคซีนโควิดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 รวม 4-5 ชนิด จำนวน 50 ล้านโดส แต่รัฐบาลออกมาบอกว่าสั่งไม่ได้ เพราะเป็นการใช้ฉุกเฉิน ต้องซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ และห้ามซื้อวัคซีนซ้ำกับที่รัฐบาลสั่งซื้อแล้ว ดังนั้นจะเหลือวัคซีนที่เอกชนสามารถซื้อได้เพียง 3 ยี่ห้อ คือ วัคซีนโมเดอร์นา ,ไบโอเอ็นเทคของไฟเซอร์ ,และโนวาแวคซ์ แต่ต้องซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เท่านั้น
โดยตนได้สอบถามไปยังผู้ผลิตวัคซีนทั้งโมเดอร์นาและไฟเซอร์พบว่า ไทม์ไลน์การสั่งซื้อวัคซีน ภายหลังเซ็นสัญญาซื้อขายแล้ว ทางบริษัทผู้ผลิตจะต้องใช้เวลาอีก 4 เดือน ถึงจะส่งวัคซีนไปยังประเทศที่สั่งซื้อวัคซีนได้ หากไม่ติดเงื่อนไขจากรัฐบาล
ยังวิกฤต ยอดโควิดวันนี้ เสียชีวิตพุ่ง 61 คน ติดเชื้อเพิ่ม 6,087 ราย
วัคซีนโควิด mRNA สามารถกันการติดเชื้อได้ ฉีด 2 เข็มป้องกันได้ถึง 91%
บริษัทจึงเตรียมพร้อมทำการสั่งซื้อทั้งโมเดอร์นาและไฟเซอร์จำนวน 50 ล้านโดส เพราะคาดว่าจะได้วัคซีนทางเลือก ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีใหม่ mRNA มาฉีดให้ประชาชนในเดือนก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งโรงพยาบาลเอกชนดำเนินการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ติดเพียงภาครัฐไม่ยอมเซ็นสัญญาให้ โดยให้เหตุผลว่าต้องเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ ทำให้เอกชนไม่สามารถสั่งซื้อวัคซีนทางเลือกได้และรอวัคซีนมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ในเดือนเม.ย มีการยืนยันจากทั่วโลกว่า วัคซีนแบบ mRNA คือวัคซีนที่ดีที่สุด โดยเฉพาะไฟเซอร์และโมเดอร์นา เช่น การศึกษาของสหรัฐอเมริกา ยืนยันแล้วว่าวัคซีนที่ผลิตเทคโนโลยีใหม่ mRNA อย่างโมเดอร์นา และไฟเซอร์ มีประสิทธิผลดีที่สุดคุ้มกันไม่ให้เกิดโรคได้ ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันการเสียชีวิตหรืออาการหนักเท่านั้น โดยมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันได้ทั้ง โควิด19 สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) สายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้)
ขณะที่หลายประเทศที่ฉีดซิโนแวค การติดเชื้อโควิดยังเยอะ ล้มตายจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ใช้ mRNA ก็ยืนยันชัดเจนว่าป้องกันไวรัสได้ดี ดังนั้นหากจัดเกรดวัคซีน ซิโนแวกจัดเป็นวัคซีนเกรด C ถ้าวัคซีนที่ดีที่สุดต้องเป็น วัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ mRNA รองลงมาคือวัคซีนเชื้อเป็น
แต่วัคซีนเชื้อตายภูมิขึ้นน้อย และยังพบว่า เมื่อฉีดเข็ม 2 ไปแล้ว ผ่านไป 4-5 สัปดาห์ภูมิจะลดลง ต้องกระตุ้นด้วยการฉีดเข็ม 3 แอสตร้าเซนเนกาก็เหมือนกัน ต้องฉีดกระตุ้นเพิ่ม แต่ถ้าใช้วัคซีนชนิด mRNA ภูมิจะขึ้นมามากถึง 20-100 เท่า
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิดที่วิกฤติอยู่ในขณะนี้ “หมอบุญ” บอกว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติ มาตั้งแต่เดือนก่อนเพราะ ICU ทั่วประเทศที่มีกว่า 500 เตียง ผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง ล้นมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดย THG จะเข้าไปช่วยเหลือภาครัฐด้วยการเพิ่มห้องความดันลบ ที่สามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้อีก 110 เตียงภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนั้นจะเพิ่มเตียงผู้ป่วยสีเหลืองอีก 500 เตียง และเตียงสีเขียวเพิ่มอีกประมาณ 3,000 เตียง
“อยากฟังความชัดเจนจากรัฐบาลว่า ทำไมการสั่งวัคซีน mRNA ถึงได้ช้า ทำไมจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้วัคซีน ทั้งที่วัคซีนแบบ mRNA ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา ได้ผลดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อยสุด”
โรงพยาบาลเอกชน มองว่าการระบาดที่ผ่านมารัฐบาลประมาทเกินไป ทั้งที่นักวิชาการก็บอกว่าไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์เร็วมาก รัฐบาลรอวัคซีนเพียงชนิดเดียวคือแอสตร้าเซนเนก้า แต่เมื่อแอสตร้าเซนเนก้า ผลิตไม่ทันสถานการณ์ที่มีการระบาดเกิดขึ้น ก็เลือกซื้อวัคซีนซิโนแวคมาแทน ซึ่งต้องยอมรับคุณภาพไม่สามารถเทียบวัคซีน ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ mRNA ได้