เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศบค.แถลงว่า ที่ประชุมศบค.ชุดเล็กพูดคุยกันถึงมาตรการทางสังคม ที่อีโอซีของกระทรวงสาธารณสุขนำหารือด้วยความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ที่เพิ่มจำนวนขึ้น มีรายงานผู้เสียชีวิตสูงขึ้น
ซึ่งหากไม่นับตัวเลขผู้ติดเชื้อจากเรือนจำก็ยังถือว่าสูง และไม่จำกัดอยู่ในวงแคมป์คนงานหรือแรงงานต่างด้าว แต่อยู่ในลักษณะชุมชน สถานประกอบการและผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยปริมาณสูงมาก
ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้นำเรียนเสนอให้ปรับมาตรการทั้งมาตรการด้านสาธารณสุข มาตรการสังคม เสนอศปก.ศบค. ในการประชุมเช้าวันเดียวกัน (8 ก.ค.) โดยจะปรับให้มีความเข้มข้นมากขึ้น
จำกัดการเดินทาง-คุมเปิด/ปิดกิจการ
โดยมีหลักการให้จำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะห้ามการเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด ในที่ประชุมหารือไปยังมหาดไทย กลาโหม ศปม. เพื่อให้มีการตั้งจุดตรวจ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่, มีการเสนอให้ปรับมาตรการ Work from home ทั้งภาครัฐภาคเอกชนให้สูงสุด
มีการเสนอให้ภาคประชาชนให้ความร่วมมือในการเปิด-ปิดกิจกา เพื่อลดการเคลื่อนย้ายการเดินทางออกนอกพื้นที่ ของประชาชน เพื่อให้อยู่บ้านลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
โดยสถานที่ที่มีการพูดถึงจะมีลักษณะ ทั้งห้างสรรพสินค้า กิจการประเภทเดียวกัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านข้าวต้มรอบดึก ตลาด ซึ่งจะมีการหารือกันเพื่อกำหนดเวลาปิดกิจการ เพื่อลดการที่ประชาชนจะเดินทางออกจากบ้าน
คุมการขนส่งสาธารณะ
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงเรื่องการขนส่งสาธารณะ ในเมื่อลดการเคลื่อนย้ายของบุคคลของประชาชนลงแล้วก็จะต้องมีการปรับเวลาการให้บริการขนส่งสาธารณะให้สอดคล้องกับมาตรการที่สาธารณสุขเสนอ
โดยที่ประชุมได้มีความเป็นห่วงด้วยว่าการลดเวลาต่างๆ การปรับมาตรการต่างๆก็จะคำนึงถึงการคงไว้ซึ่งความจำเป็นยกตัวอย่าง เช่น สาธารณูปโภค อาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่อาจจะจำเป็นต้องเปิด หรือตลาด ร้านขายเครื่องมืออุปกรณ์ช่างเพราะหากมีการจำกัดเวลาแล้วเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นประชาชนยังคงต้องได้รับความปลอดภัยด้วย
"ขอย้ำว่านี่คือมาตรการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขหารือกันและนำเสนอศบค.ชุดเล็กในวันนี้ แต่จะต้องมีการนำเสนอไปยังศบค.ชุดใหญ่ที่จะมีการประชุมกันในวันที่ 9 ก.ค.นี้ในเวลา 10.00 น. ดังนั้น ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ยังไม่มีผล เพื่อให้ศบค. ชุดใหญ่พิจารณาและอาจจะต้องมีการปรับรายละเอียดเพื่อให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ด้วย"
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางกระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ล็อกดาวน์ 14 วัน เริ่มศุกร์ 9 ก.ค.นี้ จริงหรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า "ในที่ประชุมไม่มีคำว่าล็อกดาวน์" สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอในวันเดียวกันนี้ต่อที่ประชุมคือการปรับมาตรการโดยมีรายละเอียดว่า
กิจการกิจกรรมใดมีการปรับระยะเวลาเปิดปิดอย่างไร พื้นที่ไหนจังหวัดใด แต่ยังไม่มีการสรุปออกมาเป็นข้อสรุปเพราะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาและอนุมัติในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค.นี้ก่อน
เมื่อถามถึงกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดยังทำได้หรือไม่ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางจริงๆต้องปฏิบัติอย่างไร พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ศบค. เน้นย้ำเสมอว่าขอพี่น้องประชาชนงดเว้นการเดินทาง ไม่แนะนำให้เดินทางยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ
และขณะนี้มีการรายงานข่าวว่ามีบุคคลที่กำลังรอผลตรวจว่าติดเชื้อ โควิด-19 หรือไม่ได้เดินทาง จึงขอให้ทางโรงพยาบาลที่ตรวจเชื้อเน้นย้ำด้วยว่าขณะรอผลตรวจนั้นไม่ควรเดินทาง
รวมไปถึงอีกกรณีหนึ่งคือเมื่อรู้ผลว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว มีความพยายามเดินทางกลับจังหวัดภูมิลำเนาเพื่อไปรับการรักษา อันนี้ก็ไม่แนะนำเช่นกันเพราะเมื่อติดเชื้อเป็นผู้ป่วยแล้วทางสาธารณสุขเห็นว่าจะต้องได้รับการพักผ่อน พักปอด แต่ขณะเดินทางจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้า อาจจะทำให้อาการปอดอักเสบทรุดลงอย่างรวดเร็ว
และยังมีความเป็นห่วงของเรื่องการแพร่กระจายเชื้อ ไปยังผู้อื่นขณะเดินทางด้วย แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ สาธารณสุขแนะนำว่าก่อนเดินทางขอให้ติดต่อไปยังศูนย์ประสานงานรับคนกลับบ้าน ของจังหวัดปลายทางด้วย
ซึ่งอาจจะเป็นโรงพยาบาลหรือสาธารณสุขจังหวัด หรือบุคลากรสาธารณสุข ขออย่าได้ไปโดยที่ถือผลว่าติดเชื้อไปเฉยๆ เพราะโรงพยาบาลปลายทางจะเตรียมรับมือ เตรียมเตียงให้ไม่ทัน
และมีข้อแนะนำว่าระหว่างเดินทางนั้นจะต้องไปโดยรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีการลดกระจกลงเพื่อระบายอากาศ ไม่เช่นนั้นอาการจะทรุดลงได้ เตรียมหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ให้เพียงพอ เตรียมยารักษาโรคประจำตัวไปด้วย
รวมถึงเตรียมอาหารและน้ำ ไปให้เพียงพอ ไม่ควรแวะพัก ที่ปั๊มน้ำมันใดๆ เพราะอาจจะมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบุคลากรสาธารณสุขของจังหวัดปลายทางจะต้องรู้ ครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติมิตร จะต้องรู้ และต้องเข้าใจว่าเมื่อเดินทางกลับไปถึงจังหวัดปลายทางแล้วจะต้องแยกกัก ถึงแม้ว่ายังไม่มีผลยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ แต่ถือว่าท่านเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงสีแดง สีแดงเข้ม เพราะฉะนั้นการกักตัวเป็นสิ่งที่ต้องขอให้ทุกคนทำ 100 เปอร์เซ็นต์
"มาตรการที่จะเสนอที่จะเข้าที่ประชุมศบค.ใหญ่ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้อาจจะมีข้อจำกัด ความติดขัดที่อาจจะทำให้ประชาชนหลายส่วนเกิดความไม่สะดวก คงต้องขออภัยมาในโอกาสนี้ด้วย ในยามนี้การปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น อาจมีความจำเป็น และต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งสถานประกอบการ และประชาชน ขอย้ำว่าเรามีความอดทนในวันนี้ แล้วที่สุดเราจะชนะไปด้วยกัน"