วันนี้(9ก.ค.64) ต้องจับตาการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่าจะมีการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 ด้วยการ ประกาศเคอร์ฟิว(กำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน) และมาตรการล็อกดาวน์ สถานที่หรือกิจกรรมใดเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร
โดยการประชุมศบค.วันนี้จะเริ่มเวลา 10.00 น. โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบ Video Conference
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. กระทรวงสาธารณสุขประกาศ 5 มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และเสนอมาตรการ "ล็อกดาวน์" ให้ศบค.พิจารณาจำกัดการเดินทาง ปิดสถานที่เสี่ยง 14 วันในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง 5 มาตรการ ดังนี้
โดยมาตรการนี้จะดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชนอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดการระบาดใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งจะเสนอ ศบค.เพื่อพิจารณามาตรการต่อไป
ด้าน นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วงนี้ ยังพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่บ้าน ลดการติดเชื้อโควิด 19 ส่วนสถานที่ทำงานขอให้เน้นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและนำเชื้อจากนอกบ้านมาแพร่สู่คนในครอบครัว
หากจำเป็นต้องเดินทางออกไปทำงานหรือออกไปทำธุระส่วนตัวนอกบ้าน ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะรักษามาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
คำแนะนำในการป้องกันโรคโควิด 19 สำหรับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ มีดังนี้
1) ด้านอาคารสถานที่และยานพาหนะ ต้องดูแลความสะอาดสถานที่ให้บริการและอุปกรณ์ที่มีผู้โดยสารใช้ร่วมกัน เช่น ห้องสุขา สถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ปุ่มกดตู้จำหน่ายตั๋ว อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุก 1-2 ชั่วโมง และเพิ่มความถี่ให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก
สำหรับยานพาหนะ ให้ทำความสะอาดทุกเที่ยวที่มีการให้บริการ โดยเน้นการเช็ดถูพื้นผิวที่เป็นจุดสัมผัสร่วม มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น ราวจับในรถโดยสาร เบาะนั่ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ 70% สำหรับบัตรโดยสารที่ใช้ซ้ำได้ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อทำลายเชื้อไวรัสที่เกาะอยู่บนพื้นผิวสัมผัส
2) คนขับและพนักงานประจำรถโดยสาร ต้องรักษามาตรการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดและสังเกตอาการป่วยของผู้ใช้บริการ
3) ด้านการบริการ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสาร เช่น การจำหน่ายตั๋วโดยสารทางออนไลน์ ส่งเสริมการใช้บัตรโดยสารส่วนตัว เช่น บัตรเติมเงิน เพื่อลดความแออัดบริเวณที่จำหน่ายตั๋วและลดการสัมผัสตู้ซื้อตั๋วโดยสาร และจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ที่จุดบริการ
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานที่ทำงานขอให้เน้นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) หากจำเป็นต้องเดินทางออกไปทำงานหรือออกไปทำธุระส่วนตัวนอกบ้าน ขอให้รักษามาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน เว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1-2 เมตร ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์
ไม่สัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปาก หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกันในสถานที่ทำงาน ลดการเดินทางไปยังสถานที่แออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก หากมีอาการป่วย ไข้ ไอ จาม เป็นหวัด ให้หยุดพักสังเกตอาการที่บ้าน และเมื่อกลับถึงบ้านต้องทำความสะอาดร่างกายทันที เว้นระยะห่าง แยกสำรับอาหาร งดการทานอาหารร่วมกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและนำเชื้อจากนอกบ้านมาแพร่สู่คนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้อยู่ร่วมบ้านกับผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว
เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวหากได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มอื่น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422