วันนี้(18 ก.ค. 64) ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อ ข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ลงนามโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อยกระดับล็อกดาวน์ เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 และการบังคับใช้อย่างจริงจังเพิ่มเติม ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด13 จังหวัด ซึ่งได้แก่ กรุงเทพมหานคร , ฉะเชิงเทรา,ชลบุรี ,นครปฐม ,นนทบุรี ,นราธิวาส, ปทุมธานี ,ปัตตานี ,พระนครศรีอยุธยา ,ยะลา ,สงขลา ,สมุทรปราการ ,สมุทรสาคร (ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทรา)
ขยาย"เคอร์ฟิว"14 วันถึง 2 ส.ค.64
โดยการยกระดับมาตรการควบคุม กําหนดพื้นที่ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ห้ามบุคคลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 นาฬิกา ถึง 04.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน นับแต่วันที่ข้อกําหนดฉบับนี้ใช้บังคับ โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไขการปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่และการกําหนดบุคคลที่ได้รับยกเว้น การห้ามออกนอกเคหสถานตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ย่อมมีความผิดและต้องระวางโทษตามพระราชกําหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
การลด-จํากัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง โดยให้ประชาชนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เลี่ยง จํากัด หรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถาน หรือที่พํานักโดยไม่จําเป็น
ยกเว้น การเดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จําเป็น ต่อการดํารงชีวิต อาหาร ยาหรือเวชภัณฑ์ การเดินทางเพื่อพบแพทย์ เพื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุข การรักษาพยาบาล การรับวัคซีนป้องกันโรค หรือมีความจําเป็นเพื่อปฏิบัติงาน หรือการประกอบอาชีพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งได้
ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันมากกว่า 5 คน
คุมเวลาการเปิด-ปิด จำหน่ายอาหาร/ห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กรฏาคม 2564 เป็นต้นไป เว้นเฉพาะมาตรการขนส่งสาธารณะ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฏาคม 2564 เป็นต้นไป