นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธตลาดเงินและตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าเงินบาท ช่วงท้ายวันผันผวนหนัก และปรับตัวลงไปปิดสิ้นปีที่ต่ำกว่าระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันค่าเงินกลับมาซื้อขายที่ 30.12 บาทต่อดอลลาร์แล้ว เชื่อว่าวันนี้ผู้กำหนดนโยบายอย่างธปท.จะออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงินบาทและเข้าดูแลมากขึ้น จึงไม่น่าปรับตัวลงเร็วเหมือนช่วงท้ายปี
สำหรับปี 2020 เชื่อว่าเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าต่อจากสามปัจจัยหลักคือ (1) การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์จากความผันผวนทางการเมือง (2) การฟื้นตัวของการค้าทั่วเอเชียและ (3) ภาพรวมการนำเข้าไทยที่ชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งสามปัจจัยนี้จะกดดันให้เงินบาทแข็งค่าไปที่ 28.7 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงท้ายปี ขณะที่ความเสี่ยงหลักคือนโยบายการเงินของไทยที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบรับกับทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น
กรอบเงินบาทวันนี้ 30.05-30.15 บาทต่อดอลลาร์
กรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 29.85-30.35 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงวันทำการก่อนหน้า ตลาดหุ้นแกว่งตัวบวกสลับลบช่วงท้ายปี อย่างไรก็ตามผลตอบแทนของหุ้นสหรัฐอย่าง S&P500 ในปี 2019 ถือว่าดีที่สุดในนับตั้งแต่ปี 2013 ที่ 29% ขณะที่ฝั่งยุโรปดัชนี STOXX 600 ที่ปรับตัวบวกขึ้นถึง 23% ก็ถือเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009
ด้านบอนด์ยีลด์สหรัฐระยะยาว (10ปี) ก็ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ 1.92% ส่งท้ายปี จากที่เคยลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 1.42% ในปีที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนกลับมามีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวปีหน้า เฟดไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยต่อ ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ก็ส่งสัญญาณว่าจะมีการเซ็นสัญญาการค้ากับจีนในวันที่ 15 มกราคมนี้
ขณะที่ในฝั่งนโยบายการเงิน ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 50bps โดยจะมีผลในวันที่ 6 มกราคม ส่งผลให้ธนาคารใหญ่จะต้องกันสำรองเพียง 12.5% ขณะที่ธนาคารเล็กจะต้องการสำรองที่ 10.5% ของเงินฝาก ปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็จะทำให้ทิศทางของสกุลเงินเอเชียในวันนี้ไม่แข็งค่ามากด้วย