ส่องกลยุทธ์ 2 เซียนวีไอ"ไวรัสโคโรนา"กับโอกาสลงทุน

10 ก.พ. 2563 | 11:52 น.

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างรวดเร็ว กดดันให้ดัชนีหุ้นไทยเดือนมกราคมปรับลดลง 4.2% ปิดที่ 1,514.14 จุดและปิดต่ำสุด 1,496.06 จุด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นับจากสิ้นปี 62 ทำให้โบรกและสำนักวิจัยหลายค่าย เริ่มทยอยปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)และเป้าหมายเศรษฐกิจไทยปี 63

ท่ามกลางปัจจัยลบ มาดู 2 นักลงทุนวีไอ (Value Investor) ที่มีสไตล์การลงทุนในหุ้นที่แตกต่างกัน  รายแรกดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรณ์นักลงทุนรายใหญ่ มีพอร์ตลงทุนกว่า 5,600 ล้านบาท และ "อนุรักษ์ บุญแสวง" (โจ ลูกอีสาน )  ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นขนาดเล็กและหุ้นใน MAI จะปรับตัวรับมือกับการลงทุนในภาวะตลาดหุ้นขณะนี้อย่างไร

 

ดร.นิเวศน์  ช้อนซื้อหุ้นถูก

" ผมกลับเข้าไปลงทุนได้สักพัก  5-6 เดือน ซื้อหุ้นหลายตัว เพียงแต่ไม่เป็นข่าว คือเอาเข้าจริง ๆดัชนีไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก แต่หุ้นหลายตัวในตลาดต่ำกว่าพื้นฐานพอสมควร ทั้งที่พื้นฐานยังมั่นคง และเป็นหุ้นที่ดูแล้วว่ามีมาร์จิ้นที่จะสร้างกำไรให้ในระยะยาว"

ต้นเดือนมกราคมที่่ผ่านมา ดร.นิเวศน์ ได้เข้าซื้อหุ้นแม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” จำนวน 10 ล้านหุ้น  ราคาหุ้นละ 7 บาท ขณะที่ราคาเฉลี่ยปัจจุบัน (7 กุมภาพันธ์) อยู่ที่ 10.95 บาท

"หลักการ  ผมจะซื้อเมื่อเห็นว่าราคาต่ำกว่าพื้นฐาน และเป็นการลงทุนระยะยาว   ซึ่งแต่ละตัวก็มีปัจจัยแตกต่างกันไป ต้องวิเคราะห์เป็นรายตัว ด้วยมาตรวัดค่าที่ใช้ทั้ง PE ,  มูลค่าทางบัญชี PB , การจ่ายปันผล ,มาร์เก็ตแคป  และในวิกฤติ ย่อมเป็นโอกาสเสมอของตลาดหุ้น" ดร.นิเวศน์ กล่าวและ ว่า

หากเป็นนักลงทุนระยะยาว สถานการณ์ไวรัสโคโรนา เป็นโอกาสมากกว่าความเสี่ยง  เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องผ่านจนได้   อย่าไปสนใจปัจจัยนี้ให้มาก แต่สนใจว่าเมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว หุุ้นตัวไหนที่มีโอกาส และจะเป็นโอกาสมาก ถ้าเลือกถูกตัว

คนที่ชอบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ถ้ามั่นใจ100% ว่าอย่างไรก็ต้องผ่านภายในเดือนสองเดือนต้องจบ  จังหวะนี้ก็เข้าไปดูหุ้นที่่ตกหนักมีตัวไหนน่าสนใจ  

เซ็กเตอร์พลังงานมีทั้งหุ้นที่แพงมากและถูกมาก  เช่นหุ้นปิโตรเคมี มีบางตัวที่ถูกและยังลงทุนกระจายความเสี่ยงได้  หรือหุ้นแบงก์ตอนนี้น่าสนใจ ราคาถูก พีอีไม่เกิน 10 เท่า  จ่ายปันผล  3 - 5% ธุรกิจมีความมั่นคง เลือกตัวที่ราคาเทียบกับมูลค่าพื้นฐานแตกต่างค่อนข้างมาก เป็นหุ้นที่รักษาผลประกอบการได้ดีต่อเนื่อง  หรือหุ้นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกมานาน  ราคาถูกมาก ปันผลดี ยกเว้นอุตสาหกรรมที่ยังไม่ดี   

"เซ็กเตอร์แบงก์คนกลัวจะเกิดดิสรัปต์ แต่ดูดี ๆเป็นดิสรัปชั่นบางส่วน (การโอนเงิน )แต่ธุรกิจหลัก การปล่อยสินเชื่อ การบริหารเงินให้ลูกค้า และขายโปรดักซ์การเงิน ยังทำกำไรได้ดี  ถ้าวิเคราะห์ได้ว่าแบงก์ไหนไม่ถูกดิสรัปต์มาก หุ้นนั้นก็เป็นโอกาสแต่ต้องพิจารณาเป็นรายตัว หุ้นปิโตรเคมี หรืออสังหา ฯก็เช่นกัน ส่วนหุุ้นกลุ่มท่องเที่ยว  สำหรับผมไม่ได้สนใจ " 

 

หุ้นที่ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และครอบครัว" ถือ

 

"อนุรักษ์" เล่นหุ้นใหญ่ตามกองทุน

"เศรษฐกิจปีนี้ไม่ดีแน่ แต่เดิมเรามีความหวังจากการท่องเที่ยว การลงทุนจากภาครัฐ แต่สุดท้ายเดือนเดียวทุกอย่างชะงักหมด  แม้โรคระบาดไวรัสโคโรนาจะเป็นปัจจัยชั่วคราวแต่ทำให้เกิดแพนิค"

ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้อง หุ้นกลุ่มสนามบินยังไม่ได้ลงมาก คนอาจมีประสบการณ์จากโรคซาร์ส 6 เดือนก็ฟื้น แต่คราวนี้อยากให้ระวังนิดหนึ่ง ไม่กล้าซื้อหุ้นเต็มที่เพราะดูไม่ออกว่าสถานการณ์นี้จะแย่ไหม รอให้เคลียร์ก่อนยังไม่สาย  

อนุรักษ์ เล่าว่า ปกติเขาจะลงในหุ้นทั้ง 100% แต่ตอนนี้ถ้ามีโอกาสจะเก็บเงินสดบ้างสัก 5-10% เพียงแต่รอจังหวะเพราะตลาดลักษณะนี้ขายไปก็ขาดทุน  โดยเริ่มชอร์ตลงตราสารอนุพันธ์ TFEX เพื่อประกันความเสี่ยงไว้บ้าง

ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ แบ่งกลุ่มชัดเจนระหว่างหุ้นที่ถูกมาก กับหุ้นที่ไม่ถูก เช่นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไม่ถูกเลย แต่หุ้นแบงก์และหุ้นอสังหาริมทรัพย์ถูกมากๆ กลายเป็นหุ้นนิวโลว์ในช่วง 7 ปี 10 ปี มีเยอะ สะท้อนถึงเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น เพราะกองทุนจะเล่นแต่หุ้นใหญ่ หุ้นเล็กมีแต่ทรงกับทรุดถ้าไม่ดีจริง 

"ผมเป็นคนที่ลงในหุ้นเล็กมานานกว่า 20 ปีแล้ว หุ้นใหญ่แทบไม่ได้มองเลย และหุ้นที่ผมถือก็มีแต่ทรงกับทรุด แพ้ตลาดมา 2 ปี ปี 2562 ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 1% รวมปันผลแล้วให้ผลตอบแทนประมาณ 4%  ผมได้ประมาณ 2%  ปี 2561 ดัชนีติดลบ 11% ผมติดลบ 13% ทั้ง ๆที่เคยชนะตลาดมาตลอด19 ปี "

อนุรักษ์ บอกว่าเริ่มปรับการลงทุนเมื่อต้นปีนี้ หันมาเล่นหุ้นใหญ่ตามกองทุน เช่นดูว่ากองทุนประกันสังคม กลุ่มบริษัทประกันชีวิตลงอะไร เพราะกองทุนเหล่านี้มีเม็ดเงินมากและเงินเข้ามาตลอด ไม่เหมือนกับนักลงทุนรายย่อยโครงสร้างระยะหลังเริ่มลดลง ทำให้หุ้นขนาดเล็กลงนาน  แต่ทั้งนี้ต้องใช้พื้นฐานในการวิเคราะห์ เลือกหุ้นที่ไม่แพง เป็นธุรกิจที่ไม่ถูกดิสรัปต์ ซึ่งนักลงทุนมักจะมองข้าม

"ผมเปลี่ยนมาหลายตัว ตั้งใจว่าต่อไปจะมีหุ้นตัวใหญ่และหุ้นตัวเล็กอย่างละครึ่ง จากขณะนี้ที่มี  20-30%  และไม่ใช่ผมที่ปรับตัว รายใหญ่บางคนปรับล้ำไปกว่าผม ไปลงทุนหุ้นแนสแด็ก ตั้งแต่ปีที่แล้วได้กำไร 30% หรือไปซื้อธุรกิจไทยแต่รายได้มาจากต่างประเทศ "

ส่่วนการลงทุนในสถานการณ์ไวรัสโคโรนาเอฟเฟค  เขากล่าวว่า เราคาดไม่ได้ว่าจะจบเมื่อไร ต้องสร้างใจก่อนว่า เราลงทุนระยะยาว ไม่ใช่เก็งกำไร แต่แน่ๆเราคาดการณ์ผลตอบแทนบริษัทที่ลงได้ว่าเวิร์คหรือไม่เวิร์ค  เซียนหุ้นก็คือคนที่คาดการณ์ธุรกิจ (บมจ.)ที่ตัวเองลง ถูกต้องแม่นยำต่างหาก 

ทั้งนี้หุ้นที่เพิ่งปรากฏชื่อนายอนุรักษ์ เข้าไปลงทุนในช่วงหลัง ได้แก่หุ้นบมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ ( NER ) และ บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT ) (อ่านตารางประกอบ)  


หุ้นที่"อนุรักษ์ บุญแสวง" ถือ