การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (Covid-19) นอกจากกระทบเศรษฐกิจ ทั่วโลกและเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัวแล้ว จากรายได้จากการท่องเที่ยวที่จะหายไปแล้ว ยังกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บ อย่างกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรด้วย ทำให้กังวลใจว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลจะเป็นได้ตามเป้าหมายที่ 2.87 ล้านล้านบาทหรือไม่
ในปีงบประมาณ 2563 กรมสรรพากรตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ที่ 2.1165 ล้านล้านบาท ล่าสุดเดือนมกราคม จัดเก็บได้ 147,369 ล้านบาท ตํ่ากว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณที่ตั้งไว้ที่ 150,158 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 1.9% ทำให้ 4 เดือนแรกของปีนี้ (ต.ค. 62-ม.ค. 63) จัดเก็บได้ 540,643 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการเล็กน้อยที่ 536,810 ล้านบาทหรือเพียง 0.7%
นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ระบุว่า รายได้ภาษีเดือนมกราคม ที่ลดลงเล็กน้อยเกิดจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในส่วนของการนำเข้าลดลง เพราะการนำ เข้าสินค้าลดลงและเงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่ VAT เพื่อการบริโภคในประเทศยัง ขยายตัวได้ดีจากมาตรการชิม ช้อป ใช้ อย่างไรก็ตามแม้การแพร่ระบาดของ Covid-19 จะยังไม่กระทบกับการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่ผ่านมา แต่ยอมรับว่าอาจจะมีผลต่อภาคการท่องเที่ยว ที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการ ซึ่งจะเห็นผลในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ดังนั้นกรมจะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
“เรายังยืนยันการจัดเก็บรายได้ปีนี้ไว้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ Covid-19 จะ กระทบกับเศรษฐกิจ และเดือนกุมภาพันธ์ อาจจะเห็นผลกระทบดังกล่าวต่อการจัดเก็บภาษีบ้างก็ตาม”
ขณะที่กรมสรรพสามิตตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ที่ 642,600 ล้านบาท ล่าสุดเดือนมกราคม จัดเก็บได้ 55,014.63 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2.61% แต่เมื่อรวม 4 เดือนแรกของงบปี 2563 การจัดเก็บรายได้รวมที่ 212,680.76 ล้านบาท ตํ่ากว่าประมาณการ 2.52% ซึ่งนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ยอมรับไวรัส Covid-19 จะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ช่วงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตนํ้ามัน และภาษีเครื่องดื่มทุกประเภท เพราะสถานการณ์นี้มีผลกระทบทางจิตวิทยากับผู้บริโภคพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี ถือเป็นภาวะปกติของการบริโภคสินค้าสรรพ สามิต ดังนั้นจึงมองว่า การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่จะมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ ต้องรอดูสถานการณ์หลังสงกรานต์ก่อนถึงจะประเมินได้ชัดเจนมากขึ้น
“ยอมรับว่า ปีนี้ยากหน่อย เพราะ Covid-19 มีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาให้คนจับจ่ายสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตลดลง เพราะเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันมาก ดังนั้นหากเศรษฐกิจยังซบเซาและ Covid-19 ยังไม่ดีขึ้นหลังสงกรานต์ ก็พอจะรู้ทิศทางแล้วว่าตัวเลขการจัดเก็บรายได้ปีนี้จะได้ตามเป้าหรือไม่ เพราะมันจะเห็นชัดเจนขึ้น ถ้าจำเป็นปรับเป้าก็ต้องหารือกันอีกที” นายพชรกล่าว
ส่วนกรมศุลกากรเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ เป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 111,000 ล้านบาท ไม่น่าจะมีอะไรผิดแผน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้จีนลดกำลังการผลิต หยุดกิจการนำเข้า-ส่งออกบางส่วน ทำให้ผลกระทบดังกล่าวส่งมาถึงการนำเข้าสินค้าของไทยด้วย ทำให้การจัดเก็บรายได้ในเดือนมกราคม 2563 ของกรมศุลกากรปรับตัวลดลงกว่าประมาณการเล็กน้อยเช่นกัน
แม้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) จะประเมินว่า Covid-19 จะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นช่วง 3-6 เดือนเท่านั้น แต่จากการขยายวงกว้างของการแพร่ระบาดแล้ว ทำให้กังวลว่าสถานการณ์นี้ อาจลุกลามบานปลายกระทบเศรษฐกิจไทยที่ปัจจุบันต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้านแล้ว ยังต้องมากังวลเรื่องการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อให้มีเม็ดเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายของประเทศอีก
หน้า 13-14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,552 วันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2563