คลังเดินหน้า เก็บภาษีที่ดิน ส.ค.นี้แน่

04 พ.ค. 2563 | 23:35 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ค. 2563 | 09:04 น.

คลังเดินหน้าเก็บภาษีที่ดิน แม้โควิดทำรายได้ประชาชนหาย ลั่นพร้อมทบทวน หากถึงเดือนสิงหาคมแล้วสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ด้านนักวิชาการหนุนจัดเก็บได้ ไม่กระทบฐานราก

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) กระทบต่อรายได้ทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือน กระทรวงการคลังจึงขยายเวลาการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2562 จากปกติต้องยื่นแบบภายในวันที่ 31 มีนาคม ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่จะไปตรงกับช่วงที่ต้องยื่นเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีกด้วย

 

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยฐานเศรษฐกิจว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีแนวคิดในการเลื่อนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่มีกำหนดจัดเก็บในเดือนสิงหาคมปีนี้ เนื่องจากต้องพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ก่อนว่าจะยืดเยื้อไปถึงเดือนสิงหาคมหรือไม่ หากไม่ถึงก็สามารถเดินหน้าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ตามกำหนดที่ตั้งไว้

 

หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง ก็จะต้องพิจารณาว่า ควรจะเลื่อนการจัดเก็บไปหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากต้องเลื่อนจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจริง ก็จะไม่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐมากนัก เพราะภาษีดังกล่าวมีรายได้ภาษีเพียง 30,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเราจะพิจารณาภายใต้ความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนมากขึ้นมากกว่า

 

ทั้งนี้พระราชบัญญัติ(...) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 และจะเริ่มจัดเก็บภาษีในเดือนเมษายน 2563 แต่เกิดความอลหม่านในการไปแจ้งการถือครองทรัพย์สิน ทำให้กระทรวงมหาดไทยต้องออกประกาศเลื่อนการจัดเก็บออกไปอีก 4 เดือน คือเดือนสิงหาคม เพื่อให้องค์กรปกครองท้องถิ่นได้เตรียมความพร้อมในการทำหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

คลังเดินหน้า เก็บภาษีที่ดิน  ส.ค.นี้แน่

ขณะที่นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เชื่อว่า หากกระทรวงการคลังจะยังคงเดินหน้าการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่อไป ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อภาระการชำระภาษีของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนระดับฐานราก เนื่องจากภาษีดังกล่าว ได้ยกเว้นให้กับประชาชนที่มีบ้านหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 50 ล้านบาทอยู่แล้ว ฉะนั้นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย คนไร้บ้าน หรือเกษตรกรที่ใช้ที่ดินในการทำการเกษตร ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ

 

นอกจากนั้นภาษีดังกล่าว ยังจัดเก็บในอัตราที่ตํ่ากว่าอดีตที่มีการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือน แต่ในทางกลับกัน ภาษีที่ดินฉบับใหม่นี้ จะจัดเก็บเฉพาะผู้ที่มีที่ดินในครอบครองจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนว่าเป็นผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 น้อย ดังนั้น หากจะเสียภาษีดังกล่าวย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีนี้เช่นเดิม รัฐบาลควรดูแลกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อาจได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เชิงพาณิชยกรรม ด้วยการให้ภาคการเงินเข้ามาสนับสนุนด้านเงินทุนหมุนเวียนด้วยการออกสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่า (Softloan) ให้กับเอสเอ็มอี ให้มากขึ้น ขณะที่ประชาชนระดับฐานราก รัฐควรกระจายการช่วยเหลือเงินให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยใช้ฐานข้อมูลการจัดเก็บภาษีที่ดินมาเป็นตัวกำหนดว่า จะช่วยเหลือเงินให้กับใครบ้าง 

 

รัฐควรนำฐานข้อมูลที่จะเก็บภาษีที่ดินว่า ใครเป็นผู้ที่ไม่ต้องเสียภาษีนี้ ก็ให้ได้รับเงินช่วยเหลือไปเลย ส่วนใครที่เสียภาษีนี้แสดงว่าเป็นผู้มีเงินเก็บ มีรายได้ค่อนข้างดีถึงมีทรัพย์สินเยอะ ก็ไม่ต้องรับสิทธินี้ โดยนำมาประกอบกับข้อมูลของกรมสรรพากรควบคู่ จะทำให้ช่วยเหลือเงินได้ตรงกับคนที่ต้องการจริงๆ และประชาชนจะไม่ต้องไปลงทะเบียนให้ยุ่งยากด้วยนายนณริฏกล่าว

 

ทั้งนี้ได้มีการประกาศใช้อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ..2563 เมื่อต้นปี 2563 ซึ่งตามปกติประชาชนมีกำหนดการเสียภาษีในเดือนมีนาคม ของทุกปี แต่ปีนี้เป็นปีแรกของการจัดเก็บ ซึ่งเกิดความล่าช้าในสำรวจเพื่อคำนวณอัตราภาษีของท้องถิ่น ทำให้ต้องเลื่อนการจัดเก็บออกไปในเดือนสิงหาคมแทน โดยมีอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินสำหรับการทำเกษตรกรรมเพดานสูงสุด 0.15% สำหรับที่อยู่อาศัยเพดานสูงสุด 0.3% ส่วนที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม เพดานสูงสุด 1.2% และที่ดินรกร้างว่างเปล่าเพดานการจัดเก็บที่ 1.2% แต่จะปรับขึ้นเป็น 0.3% ทุกๆ 3 ปี แต่ไม่เกิน 3% โดยกำหนดการเสียภาษีดังกล่าว

 

สำหรับการเลื่อนเสียภาษีออกอีก 4 เดือนนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะต้องจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและส่งข้อมูลให้ผู้เสียภาษีให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม จากนั้นต้องประกาศราคาประเมินและอัตราภาษีที่จัดเก็บและอื่นๆ ในวันที่ 1 มิถุนายน และส่งการประเมินภาษีให้ผู้เสียภาษีทราบภายในเดือนมิถุนายน  เพื่อให้ผู้เสียภาษีมายื่นเสียภาษีภายในเดือนสิงหาคม 2563

 

นอกจากนั้นอปท.จะต้องกำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระภาษีใหม่ โดยยังคงการผ่อนชำระ เป็น 3 งวด คือ งวดที่ 1 ภายในเดือนสิงหาคม 2563 งวดที่ 2 ภายในเดือนกันยายน 2563 และงวดที่ 3 ภายในเดือนตุลาคม 2563

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,571 วันที่ 3 - 6 พฤษภาคม .. 2563