ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 27,000 จุด เมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ WTI ก่อนการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันเสาร์นี้ (6 มิ.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน
ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าการจ้างงานอาจลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5% การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพ.ค. ถือเป็นการทำสถิติจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดภายในเดือนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐรอบ 81 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2482
ตัวเลขจ้างงานที่ดีกว่าคาดในเดือนพ.ค.นั้นมาจากแรงหนุนที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ และทำการจ้างงานครั้งใหม่ หลังจากที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความในวันศุกร์แสดงความยินดีกับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ขณะที่อ้างว่าเป็นผลงานของเขาที่ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานลดลง แม้สหรัฐยังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ก็ตาม
นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทะยานขึ้นก่อนการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันเสาร์นี้ (6 มิ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 8.11%, หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 4.72% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 10.13%
ทั้งนี้สัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 9-10 มิ.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ