สกัดโกง "เงินกู้" 1ล้านล้าน ฟื้น "ศอตช." งัด4กลไกคุมเข้ม

17 มิ.ย. 2563 | 10:08 น.

ตรวจสอบแผน ป้องการการทุจริตงบประมาณ จากพรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ป.ป.ท.ฟื้นศูนย์ "ศอตช." วาง 4 กลไกคุมเข้ม เปิดช่องทางให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ

คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 63 เห็นชอบ "กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณ" ตาม พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท หรือ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) เสนอ  

และหลังจากครม.มีมตืแล้วจะมีการแจ้ง "กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณ" ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

 

สาระสำคัญของเรื่อง สำนักงาน ป.ป.ท. รายงานต่อที่ประชุมครม. ว่า โดยที่ได้มีการประกาศใช้ "พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563"  หรือ พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ลงวันที่ 19 เมษายน 2563 ให้กระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกู้เงินหรือออกตราสารหนี้ในนามรัฐบาลมีผลบังคับใช้แล้ว โดยกำหนดให้ใช้จ่ายเงินกู้ในแผนงานหรือโครงการ ดังนี้

1.แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 45,000 ล้านบาท 

2.แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 555,000 ล้านบาท

3.แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 400,000 ล้านบาท 

ป.ป.ท. รายงานโดยอ้างอิง ข้อมูลว่า "องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD)"  ออกแถลงการณ์ขอให้ประเทศสมาชิก OECD มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้ทุกประเทศมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงการทุจริตในการใช้จ่ายงบประมาณแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

โดยในห้วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในไทยนั้น ปรากฏข่าวว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายแห่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดและช่วยเหลือประชาชนอย่างไม่โปร่งใส  

สำนักงาน ป.ป.ท. จึงร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวังในการจัดซื้อจัดจ้างของ อปท. ซึ่งพบข้อสังเกตเบื้องต้นว่า อปท. บางแห่งยังมีการจัดซื้อจัดจ้างไม่เป็นไรตามหลักเกณฑ์หรือระเบียบของทางราชการ และส่อไปในการกระทำที่เป็นการทุจริตและประพฤติมิชอบ 

"สำนักงาน ป.ป.ท. ในฐานะกลไกของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  และในฐานะฝ่ายเลขานุการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอแนะแนวทางและมาตรการในการบูรณาการเพื่อเสริมสร้างและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคสังคม ภาคเอกชน  และประชาชนในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อคณะรัฐมนตรี  จึงได้เสนอกลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ด้าน ดังนี้ 

1. การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส กำหนดให้ 

- หน่วยงานที่รับผิดชอบแผนงาน/โครงการต้องเปิดเผยข้อมูลแผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและความคืบหน้าในการดำเนินงาน เพื่อให้ภาคประชาชน ภาคเอกชน ร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการทุจริตทางเว็บไซต์และจุดบริการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานทางแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง และทางเว็บไซต์ระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ (ภาษีไปไหน) ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) 

- ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีการรวมตัวเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการทุจริต หรือปัญหาความเดือดร้อนในทุกพื้นที่ที่มีการใช้งบประมาณตามแผนงาน/โครงการ 

- เปิดช่องทางการรับแจ้งเบาะแสการทุจริตของประชาชนที่เกิดจากการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ และเชื่อมโยงระบบรับเรื่องร้องเรียนของทุกหน่วยงานทางแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางหรือทางเว็บไซต์ระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐของ สพร. โดยให้ ศอตช. เป็นศูนย์กลางประสานการดำเนินงาน        

 

2. การป้องกันและลดโอกาสการทุจริต

- ก่อนการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบทำการประเมินและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต เป็นกลไกกำกับและขับเคลื่อน

- ให้ ศอตช. ทำการวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอแนะการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่มีความเสี่ยงการทุจริตสูง เพื่อแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการทุจริต

- ให้ ศอตช. เผยแพร่ข้อมูลและสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดความคุ้มค่าและโปร่งใส 

 

3. การตรวจสอบ

- ให้  ศอตช. ทำการตรวจสอบการดำเนินโครงการเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยหรือมีเรื่องร้องเรียน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานหรือข้อมูลว่ามีเหตุแห่งการทุจริตหรือไม่ ทั้งก่อน ระหว่างและหลังการดำเนินโครงการ

- เมื่อมีเรื่องร้องเรียนหรือมีเบาะแสการทุจริตให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริง พร้อมข้อมูลให้ ศอตช.

4. การดำเนินมาตรการทางปกครองวินัย และอาญา 

- เมื่อมีข้อร้องเรียนหรือการแจ้งเบาะแสการทุจริต ให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางปกครอง วินัย และอาญากับผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม 

- ให้สำนักงาน ป.ป.ท. ทำการติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรี (28 มกราคม 2563) การรับรายงานผลดำเนินการกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต และรายงานต่อ ศอตช. เพื่อดำเนินการต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัพเดท "พรก.เงินกู้" และ งบประมาณ ฟื้นฟูประเทศ หลังวิกฤติโควิด-19

จากไทยเข้มแข็ง เงินกู้ 4 แสนล้าน เชื้อชั่วทุจริตไม่ยอมตาย

รุมทึ้ง "เงินกู้" ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยอดทะลุ 8.4 แสนล้าน

ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ด้าน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตาม พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส การป้องกันและลดโอกาสการทุจริต การตรวจสอบ  การดำเนินมาตรการทางปกครองวินัยและอาญา 

"หวังดึงภาคประชาชน เอกชน เป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแสการทุจริต ผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ https://govspending.data.go.th/ หรือ ค้นหาได้ผ่านคำสำคัญว่า "ภาษีไปไหน"" นางนฤมล กล่าว