คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3สถาบัน (กกร.) มีข้อเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ตามวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) 5 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการง่ายขึ้น
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)เปิดเผยว่า ซอฟต์โลน ของธปท.จะมีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันอยู่แล้ว ดังนั้นบสย.ไม่สามารถเข้าไปค้ำประกันซ้อนได้ เพราะหากบสย.เข้าไปค้ำประกันเพิ่ม จะส่งผลให้เกิดการกระจุกตัวของการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการที่ขอ ซอฟต์โลน จากธปท.แล้ว แต่ยังต้องการสินเชื่อเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินอื่น เช่น ซอฟต์โลนของธนาคารออมสิน ในส่วนนี้ บสย.สามารถเข้าไปค้ำประกันให้ได้
“วงเงิน 5 แสนล้านบาท ของธปท.นั้น ค้ำประกันในตัวอยู่แล้ว บสย.จึงไม่สามารถดำเนินการได้ แต่บสย.สามารถเข้าไปค้ำในวงเงินอื่นได้ โดย ซอฟต์โลน เป็นวงเงินระยะสั้น เมื่อใกล้ครบอายุ 24 เดือน ที่ผู้ประกอบการจะต้องคืนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดแล้ว ไปขอสินเชื่ออื่นเพื่อมาปิดวงเงินเดิม หรือเรียกว่า ปิดวงเงินกู้ด้วยวงเงินกู้ก้อนใหม่ บสย.สามารถเข้าไปค้ำในส่วนสินเชื่อใหม่ได้”นายรักษ์กล่าว
ส่วนโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 (PGS9) นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการต่อจาก PGS 8 ที่มีการค้ำประกันเต็มวงเงินไปแล้วเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณรัฐบาลค่อนข้างตึงตัว จึงต้องรอดูความเหมาะสมก่อน
อย่างไรก็ตาม จากความต้องการสินเชื่อและการค้ำประกันที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดบสย.ได้ออกผลิตภัณฑ์พิเศษ โดยใช้งบประมาณ วงเงิน 15,000 ล้านบาท สำหรับการจับคู่ธุรกิจ (Commercial Products) โดยสถาบันการเงินสามารถยื่นเจตจำนงค์ เพื่อให้บสย.เข้าค้ำประกัน ได้ แต่จะต้องเป็นกลุ่มผู้ประกอบการเฉพาะที่เข้าเงื่อนไขของโครงการ เช่น การให้สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมามีธนาคารออมสินยื่นเจตจำนงมาแล้ว ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จะลงนามร่วมกันในเร็วๆ นี้