เปิดหุ้นที่"นิติ โอสถานุเคราะห์"ลงทุนช่วงโควิด ดันมูลค่าพอร์ตครึ่งปีแรกโต 5%

30 มิ.ย. 2563 | 07:26 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2563 | 09:30 น.

วิกฤติโควิด-19 และผลจากการประกาศล็อกดาวน์ประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยหดตัว ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง  SET เดือนก.พ. และ มี.ค. ร่วงลง 11.5% และ 16% ตามลำดับ ปิดสิ้นเดือนมี.ค.ที่ 1,126 จุด ต่ำสุดในรอบ 8 ปี ก่อนจะทยานฟื้นตัวในเดือนเม.ย. และ พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 15.6%และ 3.2% ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ดัชนีหุ้นไทยยืนที่ 1,329.76 จุด

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนเข้าซื้อในต้นทุนราคาที่ต่ำ จำนวนนี้รวมถึง "นิติ โอสถานุเคราะห์" นักลงทุนวีไอและทายาทอาณาจักรโอสถสภา พ่วงกรรมการ บมจ.โอสถสภา (OSP)  และบมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ( MINT)   

 

เปิดหุ้นที่"นิติ"ลงทุนในช่วง"โควิด-19"

 

จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนมี.ค. - พ.ค. 63 พบว่า"นิติ โอสถานุเคราะห์ "ได้ทำรายการซื้อหุ้นเข้ามาเพิ่มในพอร์ตลงทุน จากเดิมที่ไม่เคยถือ  2 หลักทรัพย์คือหุ้นบมจ. ซีพี ออลล์ CPALL จำนวน 79,430,100 หุ้น หรือ 0.88% และหุ้นบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA )จำนวน 375,238,190 หุ้น หรือ 2.51%  นอกจากนั้นยังมีการลงทุนเพิ่มในหุ้น  บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เดือนมี.ค รวม 60.98 ล้านหุ้น  ส่งผลให้ "นิติ "ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MINT ในสัดส่วน 10.02%  

เฉพาะ 3 หลักทรัพย์นี้ คาดว่า "นิติ โอสถานุเคราะห์" จะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 6,500 ล้านบาท กล่าวคือเป็นการซื้อหุ้น CPALL ใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 64 บาท , ซื้อหุ้น WHA  คาดใช้เงินราว 7.5 แสนบาท เฉลี่ยหุ้นละ 2.34 บาท จากเข้าซื้อรอบแรก  292.84 ล้านหุ้น และรอบหลังอีก 82.4 ล้านหุ้น  ส่วน MINT คาดจะใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท ในการซื้อ 60.98 ล้านหุ้น ( 13 รายการในเดือนมี.ค. ) เฉลี่ยที่หุ้นละ 25 บาท 

นอกจากนี้ ยังเข้าซื้อหุ้นเพิ่มใน บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) จำนวน 44.35 ล้านหุ้น , บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) จำนวน  27.83 ล้านหุ้น และหุ้นโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL)อีก  5.185 ล้านหุ้น 

มูลค่าพอร์ตครึ่งปีแรกโต 4.7%

 

ข้อมูล ณ วันที่ 26 มิ.ย. 2563  "นิติ โอสถานุเคราะห์" มีมูลค่าพอร์ตลงทุนในหุ้นไทย 50,559 ล้านบาท และในรอบ 6 เดือนแรก มูลค่าพอร์ตลงทุนของเขาเติบโต 4.69% จากสิ้นปี 2562 ที่มูลค่าลงทุนอยู่ที่ 48,294 ล้านบาท  และโตเพิ่มถึง 14.08% เมื่อเทียบกับต้นเดือนมี.ค. ( 3 มี.ค.63 )หรือในช่วงที่เกิดโควิด-19 ที่มูลค่าพอร์ตขณะนั้นลดลงมาอยู่ที่ 44,318 ล้านบาท 

 

ปัจจุบันพอร์ตลงทุนของเขาถืออยู่ใน 13 หลักทรัพย์ ได้แก่บมจ.โอสถสภา (OSP) นิติ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 สัดส่วน 16.28% ,บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ถือ 10.02% , บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ถือ 5.06%, บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ถือ 1.72%, โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ถือ3.06%, บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) ถือ 2.09%

บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA) ถือ 1.01% ,บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (SNP) ถือ 0.98% ,บมจ. อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) (IRC ) ถือ 1.92%, บมจ.โอเชียนกลาส (OGC) ถือ 1.63% ,บมจ. ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED) ถือ 1.13% และที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ถือ 0.88% และหุ้นบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA )ถือ 2.51%