“คลีนิกแก้หนี้” ปรับเงื่อนไขใหม่ หนี้เสียก่อน 1 ก.ค.63 เข้าโครงการได้

17 ก.ค. 2563 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2563 | 12:15 น.

“คลินิกแก้หนี้”ปรับเกณฑ์ช่วยลูกหนี้รับผลกระทบโควิด 19 หนี้เสีย ก่อน 1 ก.ค.63 และกรณีผ่อนชำระแล้ว 50% สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้

“คลินิกแก้หนี้” ปรับเกณฑ์ช่วยลูกหนี้รับผลกระทบ โควิด 19 เปิดทาง หนี้เสีย ก่อน 1 ก.ค.63 เข้าร่วมโครงการ รวมถึงกรณีผ่อนชำระแล้ว 50% สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้ พร้อมกำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงิน ต้องเสนอ แผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในลักษณะเดียวกับ คลินิกแก้หนี้ 

นางธัญญนิตย์  นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้เห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขของโครงการ 2 เรื่องคือ ปรับคุณสมบัติลูกหนี้ โดยเลื่อนวันของการเป็น NPL หรือ หนี้เสีย (วัน cut-off date) และการปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่ เพื่อให้โครงการสามารถขยายความช่วยเหลือลูกหนี้ในวงกว้างมากขึ้น  

“คลีนิกแก้หนี้” ปรับเงื่อนไขใหม่ หนี้เสียก่อน 1 ก.ค.63 เข้าโครงการได้

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2 ของ ธปท. รวมทั้งกำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องเสนอแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ ให้แก่ลูกหนี้ที่ต้องการแก้ปัญหา สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

 

สำหรับเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครเข้าโครงการ จากเดิมผู้สมัครต้องเป็น หนี้เสีย หรือ NPL ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 มาเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เพื่อขยายความช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้ที่กลายเป็น NPL ในช่วงครึ่งแรกของปีจากผลของวิกฤตโควิด 19 ให้ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"คลินิกแก้หนี้" อัดยา2ขนานช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤติโควิด -19

คลินิกแก้หนี้เลื่อนงวดผ่อน-ลดดอกเบี้ย 2%

“คลินิกแก้หนี้” กับ 10 คำถามยอดฮิต

“หลังปรับเงื่อนไขในครั้งนี้ คาดว่า จะมีลูกหนี้สนใจสมัครเข้าโครงการจำนวนมาก และทำให้ขั้นตอนการพิจารณาใช้เวลานานกว่าช่วงปกติอยู่บ้าง จึงขอให้ผู้สมัครยื่นและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทราบผลการพิจารณาแล้ว โครงการจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลให้ทราบโดยเร็ว”

 

นอกจากนั้นปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น จากเดิมกำหนดให้ผู้เข้าโครงการห้ามก่อหนี้ใหม่ภายในเวลา 5 ปี แต่ได้เพิ่มเกณฑ์ว่า หากผู้เข้าร่วมโครงการสามารถผ่อนชำระเงินต้นได้อย่างน้อย 50% ก็สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้ ซึ่งอาจใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี

“คลีนิกแก้หนี้” ปรับเงื่อนไขใหม่ หนี้เสียก่อน 1 ก.ค.63 เข้าโครงการได้

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อขึ้นกับหลักเกณฑ์ของผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้มุ่งหวังเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้สมัครเข้าโครงการมากขึ้น เพราะบางส่วนกังวลเรื่องห้ามก่อหนี้ใหม่ 5 ปี อีกทั้งเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้เร่งชำระหนี้คืน หรือชำระหนี้เมื่อมีเงินก้อนถ้ายังพอมีความสามารถ

นอกจากนั้น มาตรการพื้นฐานขั้นต่ำ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2 ที่ธปท.ประกาศ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วง วิกฤตโควิด สิ่งหนึ่งที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น คือ ผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องมีมาตรการสำหรับกลุ่มที่เป็น NPL แล้ว ดังนั้น ผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องจัดให้มีช่องทางหรือกลไกแก้ไขหนี้ในลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้

 

รวมทั้งมีแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เอื้อต่อการผ่อนชำระเช่นเดียวกับโครงการคลินิกแก้หนี้ และเสนอให้ลูกหนี้พิจารณา พูดง่าย ๆ ว่า หากลูกหนี้ที่เป็น NPL นอกจากจะสมัครเข้าโครงการแล้ว ยังสามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนได้โดยตรงกับผู้ให้บริการทางการเงิน

“คลีนิกแก้หนี้” ปรับเงื่อนไขใหม่ หนี้เสียก่อน 1 ก.ค.63 เข้าโครงการได้

“มองไปข้างหน้า ผลกระทบจากวิกฤตโควิด 19 จะส่งผลให้จำนวนลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อ ส่วนบุคคล (หนี้บัตร) มีแนวโน้มกลายเป็นหนี้เสียสูงขึ้น ดังนั้น การที่เจ้าหนี้และลูกหนี้สามารถตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกันจะเป็นวาระทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาก โดยเฉพาะหนี้บัตร ซึ่งเป็นหนี้ที่มีจำนวนบัญชีลูกหนี้มากที่สุดในบรรดาหนี้รายย่อยทั้งหมด”

 

ดังนั้น ความสำคัญของแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กลางของโครงการคลินิกแก้หนี้ จึงอยู่ที่การเป็นหนึ่งในทางออกที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้บัตรของลูกหนี้รายย่อยจำนวนมาก ลุกลามกลายเป็นวิกฤตหนี้รายย่อยที่อาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี ยึดทรัพย์ในวงกว้าง ซึ่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้นไม่สามารถประเมินเป็นตัวเงินได้

 

นอกจากนี้ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีผู้แอบอ้างว่าเป็นตัวแทน ธปท. ที่จะสามารถช่วยท่านเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือช่วยเรื่องอื่น ๆ โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดำเนินการเป็นการตอบแทน หากท่านมีข้อสงสัยหรือมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลและสอบถามข้อเท็จจริงได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทาง