ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่ง รวมทั้งความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,201.52 จุด พุ่งขึ้น 373.05 จุด หรือ +1.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,327.77 จุด เพิ่มขึ้น 21.26 จุด หรือ +0.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,998.40 จุด เพิ่มขึ้น 57.23 จุด หรือ +0.52%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 8.8% หลังบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไร 8 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะขาดทุน 64 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ ดิสนีย์ยังเปิดเผยจำนวนสมาชิกที่รับบริการสตรีมมิ่งผ่านทาง Disney+, Hulu และ ESPN+ มากถึง 100 ล้านราย
หุ้นสแควร์ อิงค์ (Square Inc) ผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพา พุ่งขึ้น 7.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 64% เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการซื้อของทางออนไลน์อย่างคึกคักในช่วงไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ดีดตัวขึ้น 0.8% ขานรับข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงวงเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์กับ J&J เพื่อพัฒนาและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส ทันทีที่วัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 1.43% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 1.74% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา บวก 1.52% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 5.58% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวขึ้น 2.62% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.74% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 4.23%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.0
ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ หลังจากหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ได้ตกลงกันว่าจะพยายามบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ภายในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่การเจรจายืดเยื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 167,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านตำแหน่ง และต่ำกว่าอย่างมากจากระดับ 4.314 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.5% สู่ระดับ 5.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกพุ่งขึ้น 9.4% สู่ระดับ 1.583 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 ส่วนการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 4.7% สู่ระดับ 2.089 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 1.36 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 10.7%