ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) ขานรับนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อวานนี้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการผลิตชุดอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของบริษัทแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,492.27 จุด เพิ่มขึ้น 160.35 จุด หรือ +0.57% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,484.55 จุด เพิ่มขึ้น 5.82 จุด หรือ +0.17% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,625.34 จุด ลดลง 39.72 จุด หรือ -0.34%
นายพาวเวลล์ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น
นายพาวเวลล์กล่าวว่า เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%
ก่อนหน้านี้ เฟดมีความเชื่อว่าอัตราว่างงานต่ำจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนถึงขีดอันตราย จึงทำให้เฟดดำเนินการล่วงหน้าด้วยการรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจก่อตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น หลังการประกาศปรับนโยบายการเงินของเฟดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.96% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.71% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 1.41% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 1.74%
ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ให้จำหน่ายแผ่นทดสอบแอนติเจนแบบพกพาเพื่อใช้ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งสามารถให้ผลการทดสอบภายใน 15 นาที ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศการซื้อชุดอุปกรณ์ดังกล่าวจำนวน 150 ล้านชุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำข้อตกลงวงเงิน 750 ล้านดอลลาร์กับบริษัทแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส
ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 7.9% และเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกเทขายอย่างหนักเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 แพร่ระบาด โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทะยานขึ้น 5.5% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 5.85% และหุ้นรอยัล แคริบเบียน พุ่งขึ้น 5.9%
หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 4.55% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.46% หลังจากวอลมาร์ทยืนยันว่าจะร่วมมือกับไมโคซอฟท์ เพื่อเสนอซื้อกิจการติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน
อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 3.8% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.2% หุ้นแอมะซอน ลดลง 1.2% หุ้นอัลฟาเบท ลบ 0.95%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.006 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากมีการรายงานจำนวน 1.104 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 31.7% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.