ราคาทอง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมองว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อนั้น เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้แล้วก่อนหน้านี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 19.9 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,932.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 42.4 เซนต์ หรือ 1.54% ปิดที่ 27.025 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดาวโจนส์ ปิดบวก 160.35 จุด ขานรับเฟดปรับนโยบายการเงิน
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 11.7 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 928.1 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 22.40 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,190.50 ดอลลาร์/ออนซ์
นายพาวเวลประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยระบุว่า เฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐ โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าว ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มน้อยลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น
นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%
ก่อนหน้านี้ เฟดมีความเชื่อว่าอัตราว่างงานต่ำจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นจนถึงขีดอันตราย จึงทำให้เฟดดำเนินการล่วงหน้าด้วยการรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจก่อตัวขึ้น
นักวิเคราะห์หลายราย ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จาก Kitco.com กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดทองคำได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่านายพาวเวลจะแถลงเกี่ยวกับเงินเฟ้อ จึงทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากรับรู้ว่าถ้อยแถลงของนายพาวเวลไม่มีอะไรใหม่มากไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวกของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 31.7% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1
อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2/2563 ดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลง 32.9% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวลง 34.7%
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.006 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากมีการรายงานจำนวน 1.104 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้