เตรียมใช้เงินกู้ 6 หมื่นล้านบาท ให้บสย.ช่วยเอสเอ็มอี

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ร่วมกับ 18 ธนาคารพันธมิตร จัดทำโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ซอฟท์ โลน พลัส ระยะพิเศษ วงเงินค้ำฯ 57,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ขาดสภาพคล่องให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ และสามารถรักษาการจ้างงานกว่า 360,000 ตำแหน่ง

โดย บสย.จะเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อต่อเนื่องจากโครงการซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกเป็นระยะเวลา 8 ปี เริ่มค้ำประกันตั้งแต่ปีที่ 3 จนถึงปีที่ 10

นอกจากนี้ กำลังหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อขอนำเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของงบฟื้นฟู  มาใช้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ บสย.นำมาใช้เป็นวงเงินค้ำประกันเข้าไปช่วยเอสเอ็มอี ธุรกิจรายย่อย ประชาชน วิสาหกิจชุมชนให้เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น

เนื่องจากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดไม่ปล่อยกู้ รวมถึงซอฟท์โลนของ ธปท. ก็ยังปล่อยไม่หมดเหลืออีกกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งหากได้เงินก้อนนี้มาจะช่วยให้ธุรกิจรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ถึง 3.6 แสนล้านบาท โดยจะเร่งผลักดันเรื่องนี้ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด 
 

ด้านนายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า นอกจากความร่วมมือในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ซอฟท์โลน พลัส แล้ว บสย.ยังได้เตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการเงินใน โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. เอสเอ็มอี ไทยชนะ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ

โดยมีวงเงิน 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเพื่อธุรกิจทุกประเภท ค้ำประกันสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาค้ำประกันสุดสุด 10 ปี 

“จุดเด่นของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย.เอสเอ็มอี ไทยชนะ คือ สามารถปรับได้ตามค่าความเสี่ยงและลักษณะเฉพาะของแต่ละกลุ่ม เอสเอ็มอี โดย บสย.คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 45,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้กว่า 12,000 ราย และอุ้มการจ้างงานเพิ่มอีก 420,000 ตำแหน่ง”

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน กล่าวว่า โครงการนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อตลาดแรงงาน ทั้งช่วยลดปัญหาการว่างงาน และอุ้มการจ้างงานกว่า 360,000 ตำแหน่ง ที่สำคัญโครงการค้ำประกันสินเชื่อซอฟท์โลน พลัส  จะสร้างงานสร้างอาชีพ ระหว่าง กระทรวงแรงงาน กับ บสย. และยกระดับการสร้างอาชีพ กับผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ผ่านการฝึกอบรมจากกระทรวงแรงงาน สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ในอนาคต