นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงมาตรการคนละครึ่งของรัฐบาลว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะรักษาระดับการบริโภคภายในระยะเวลา 3 เดือนนับจากต.ค.-ธ.ค.นี้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมาตรการนี้มีจำนวน 24 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชาชนทั้งประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน และกลุ่มบุคคลทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปอีก 10 ล้านคน ทั้งนี้ในส่วนกลุ่มผู้ถือบัตรฯ ไม่ต้องทำการลงทะเบียนใหม่ แต่บุคคลทั่วไปจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง.com วันที่ 16 ต.ค.นี้ และเริ่มใช้จ่ายได้ 23 ต.ค.นี้
สำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น รัฐบาลจะจ่ายเงินเข้าบัตรฯ ให้รายละ 500 บาท เป็นระยะ 3 เดือน รวมเป็น 1,500 บาท เพื่อให้ผู้ถือบัตรฯ นำเงินไปใช้จ่ายได้ทันที ส่วนบุคคลทั่วไปนั้น จะใช้แนวทางคนละครึ่ง โดยรัฐจะให้วงเงินสมทบไม่เกิน 3,000 บาท สำหรับการใช้จ่ายการใช้จ่ายทั้งหมดในโครงการ
"เดิมกระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะใช้มาตรการคนละครึ่งทั้งจำนวน แต่เนื่องจาก อาจมีข้อจำกัดของประชาชนในบางกลุ่มทั้งในเรื่องการใช้เทคโนโลยีและรวมถึงข้อจำกัดเรื่องของรายได้ ดังนั้นจึงต้องแบ่ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ด้วย"นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า เพื่อให้การใช้จ่ายกระจายไปยังร้านค้ารายย่อยต่างๆ มาตรการนี้ จะกำหนดให้การสมทบเงินแต่ละวันต่อการใช้จ่ายไม่เกิน 100 บาท โดยรัฐจะจ่ายเงินสมทบให้แก่ร้านค้าในวันถัดไป
สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วม กำหนดว่า ต้องเป็นร้านค้ารายย่อยเท่านั้น เพื่อป้องกันข้อครหาว่า เม็ดเงินโครงการจะไหลไปร้านค้าขนาดใหญ่หรือร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆ ดังนั้น ร้านค้าขนาดใหญ่และสะดวกซื้อจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ทั้งนี้ รัฐจะเปิดให้ร้านค้าใหม่เข้าร่วมโครงการได้วันที่ 1 ต.ค.นี้ ส่วนร้านค้าเดิมที่เคยร่วมโครงการรัฐทั้งชิมช้อปใข้และเราเที่ยวด้วยกันไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมแล้วกว่า 100,000 ร้านค้า