นักลงทุนที่ถือ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยังคงรอติดตามผลทดสอบดำเนินธุรกิจในภาวะวิกฤต (Stress Test) ในเดือนตุลาคม 2563 เพื่อพิจารณากลับมาจ่าย เงินปันผล หลังจากที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ "งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล” และ “งดซื้อหุ้นคืน” ในงวดครึ่งปีแรกปี 2563
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงถือหุ้นไว้ เพื่อรอรับเงินปันผล แทนการซื้อขายบนกระดานที่ราคายังคงผันผวนอ่อนไหวตามกระแสข่าว และยังเชื่อว่า ระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีเพียงพอรับมือสถานการณ์วิกฤติต่างๆได้
ล่าสุดมีกระข่าวว่า มีการประเมินสถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่จะเพิ่มขึ้นในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19(ศบศ.)และมีแนวคิดที่จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกประกาศให้ธนาคารพาณิชย์ งดจ่ายปันผลปีประจำปี 2563
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งปี 2562 ธนาคารที่จ่ายปันผลในอัตราสูงสุดคือ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) อยู่ที่หุ้นละ 7.75 บาท, ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) หุ้นละ 5.00 บาท, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) หุ้นละ 4.50 บาท, ธนาคาร เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) หุ้นละ 4.25 บาท และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) หุ้นละ 4.00 บาท
อย่างไรก็ตาม หากปี 2563 ธนาคารพาณิชย์ประกาศงดจ่ายเงินปันผล ผู้ถือหุ้นในธนาคารที่จะได้รับผลกระทบ คือ TISCO จำนวน 35,688 ราย, BBL จำนวน 66,255 ราย, KBANK จำนวน 66,407 ราย, KKP จำนวน 34,189 ราย, SCB จำนวน 73,478 ราย, ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) จำนวน 107,406 ราย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) จำนวน 15,133 ราย,
บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG) จำนวน 11,205 ราย, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) จำนวน 78,423 ราย และธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) จำนวน 7,815 ราย รวมทั้งหมด 495,999 ราย
นายธนวัฒน์ รื่นบันเทิง นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า อำนาจการตัดสินใจให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลเป็นของธปท.ที่อยู่ระหว่างพิจารณา Stress Test โดยมองว่า ถ้าเศรษฐกิจไม่แย่ไปกว่านี้ ไม่มี Lockdown ครั้งที่ 2 และสามารถจัดการหนี้เอ็นพีแอลได้ ระดับเงินกองทุนอาจเพียงพอต่อการรับมือวิกฤติ และทำให้กลับมาจ่ายเงินปันผลได้
"แต่อัตราเงินปันผลขึ้นกับผลการดำเนินงานปี 2563 ซึ่งอ่อนแออยู่แล้ว อาจมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่น้อยลงได้"
ขณะที่ความเสี่ยงของหนี้เสียในระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ยังไม่ชัดเจน จากมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของธปท.ที่ยังไม่หมดระยะเวลา แต่จะเริ่มทยอยเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ที่มาตรการเริ่มหมดลงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งธนาคารจะเริ่มกันสำรองมากขึ้น ทำให้กำไรออกมาไม่แย่มาก โดยมองว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี สะท้อนจากราคาที่ลดลงไปในระดับหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้
“ไม่คิดว่าธปท.จะห้ามธนาคารจ่ายเงินปันผลในปีนี้ เพราะหากเงินกองทุนมีเพียงพอ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ ทั้งนี้มองว่า หากงดจ่ายเงินปันผลจริงจะทำให้เสน่ห์ของหุ้นกลุ่มนี้ลดลงทันที เพราะการเข้ามาถือหุ้นกลุ่มธนาคารที่ไม่หวือหวาข้อแรกที่พิจารณา คือ เงินปันผล ซึ่งแนะนำนักลงทุนว่า หากยังไม่มีหุ้นกลุ่มนี้ในพอร์ต ให้รอดูตัวเลขหนี้เสียก่อนเพื่อคำนวณผลกระทบ หากยังถืออยู่ก็เก็บไว้ก่อน แต่ไม่ควรซื้อเพิ่มในช่วงนี้”
บล.ไอร่า จำกัด(มหาชน) ระบุว่า แนะนำนักลงทุนติดตามผล Stress Test ของธนาคารพาณิชย์ที่จะเปิดเผยในช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยคาดว่า จะผ่านทั้งหมด หลังธนาคารพาณิชย์ไทยค่อยข้างมีระดับเงินทุนสำรองและเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งคาดว่า หากธนาคารพาณิชย์ผ่าน Stress Test แล้ว จะสามารถกลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง และหนุนราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้ปรับขึ้นได้
ข่าวที่เกี่ยววข้อง
ชวดปันผลแบงก์ ไม่สะเทือน! พอร์ตประกันสังคม
ฟิทช์ระบุ งดจ่ายปันผลแบงก์ สอดคล้องกับต่างประเทศ
นักวิชาการ เชื่อ ม๊อบจบเร็ว ไม่กระทบเศรษฐกิจ
กรมบัญชีกลางเผยผลเบิกจ่ายงบประมาณปี2563 คืบกว่า 89.4% -อยู่ระหว่างปรับปรุงระเบียบเพิ่มความสะดวก
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,611 วันที่ 20 - 23 กันยายน พ.ศ. 2563