ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และความหวังที่ว่าสภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะให้คำมั่นสัญญาว่าการส่งมอบอำนาจบริหารจะเป็นไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,815.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.31 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,246.59 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด หรือ +0.30% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,672.27 จุด เพิ่มขึ้น 39.28 จุด หรือ +0.37%
สื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกำลังพิจารณามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 วงเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าจะมีการโหวตในสัปดาห์หน้า ขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยืนยันว่า เธอพร้อมที่จะเจรจากับทำเนียบขาว
รายงานดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า สภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาครกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดว่า ทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐในวันข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และความพยายามของรัฐบาลในการใช้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.8% สู่ระดับ 1.011 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2549 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ายอดขายจะดิ่งลง 1% สู่ระดับ 895,000 ยูนิต
ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพัลท์กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 1.23% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 1.67% หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.21% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน ปรับตัวขึ้น 0.73%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก โดยหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.85% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.03% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มชึ้น 0.96% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.66% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.2%
หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.16% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์สตีเฟล นิโคลาส ได้แสดงมุมมองบวกว่า ธุรกิจของเฟดเอ็กซ์ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นแบล็คเบอร์รี ปรับตัวลง 1.04% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 6% สู่ระดับ 259 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 237 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์สำหรับ Spark ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัย
หุ้นนิโคลา (Nikola) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าของสหรัฐ ร่วงลง 9.69% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เวดบุช ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นนิโคลา ลงสู่ระดับ "underperform"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้คำมั่นสัญญาว่า การส่งมอบอำนาจบริหารจะเป็นไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังคงคัดค้านการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ เนื่องจากมองว่าอาจนำไปสู่การทุจริตครั้งใหญ่ ในขณะที่พรรคเดโมแครตกลับสนับสนุนการลงคะแนนเสียงในลักษณะดังกล่าว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 870,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 840,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 866,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ส่วนในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย