“อนุสรณ์” ชี้ Yield Curve Control-ดอกเบี้ย 0% จำเป็นมากขึ้น

27 ก.ย. 2563 | 12:30 น.

“อนุสรณ์” ชี้ข้อเสนอใช้นโยบาย Yield Curve Control พร้อมดอกเบี้ย 0% มีความจำเป็นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ข้อเสนอใช้นโยบายการเงิน Yield Curve Control (การที่ธนาคารกลางตั้งใจจะปักหมุดล็อคอัตราดอกเบี้ยในระยะที่ยาวขึ้น (เนื่องมาจากการลดดอกเบี้ยแบบปกติส่งผลต่อระยะสั้นมากกว่าระยะยาว) ไว้ที่อัตราใดอัตราหนึ่ง โดยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้ได้ตามเป้า)กระตุ้นภาคการลงทุนพร้อมนโยบายดอกเบี้ย 0% กระตุ้นเศรษฐกิจภาคบริโภคนั้นมีความจำเป็นเพิ่มขึ้นในการประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้กระเตื้องขึ้นเนื่องจากมีข้อจำกัดทางการคลังมากขึ้นตามลำดับ

อย่างไรก็ดี ธปท. ต้องกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางหรือระยะยาว จากนั้นจะเข้าทำการซื้อหรือขายพันธบัตรเพื่อรักษาเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ขอเสนอให้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายพันธบัตรระยะกลางอายุ 3-4 ปีที่ 0.75%-1.25% และ อายุ 7 ปีถึง 10 ปี ไม่เกิน 2-2.50%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 1-2 ปีควรปรับลงมาไม่ให้เกิด 0.50% ต้นทุนทางการเงินสินเชื่อระยะ 3 ปีถึง 10 ปีของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจจะลดต่ำลง โดยเฉพาะต้นทุนเงินกู้ซื้อบ้านและรถยนต์จะลดลง ส่งผลกระตุ้นเชิงบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งยังคงหดตัว การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนซบเซาให้กระเตื้องขึ้นได้ระดับหนึ่งและจะช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงาน
 

“อนุสรณ์” ชี้ Yield Curve Control-ดอกเบี้ย 0% จำเป็นมากขึ้น
 

นอกจากนี้ Yield Curve Control ควรจะส่งผลให้ราคาทรัพย์สินทางการเงินโดยเฉพาะราคาหุ้น ค่าเงินบาท ปรับไปในทิศทางที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยราคาหุ้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้นเกิดผลบวกต่อความมั่งคั่ง (Wealth Effect) ไปกระตุ้นภาคการบริโภคและภาคการลงทุนอีกทอดหนึ่ง ผลของการทำ Yield Curve Control ที่มีประสิทธิภาพควรทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงกระตุ้นการส่งออก

และภาคการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องกังวลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะเงินฝืดและมีเงินเฟ้อติดลบอยู่ หากธนาคารแห่งประเทศไทยตัดสินใจจะทำ Yield Curve Control ขอแนะนำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ใกล้ 0% หรือ 0% เสียก่อน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางบางประเทศได้เริ่มใช้นโยบาย Yield Curve Control ควบคู่กับนโยบายดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เช่น ธนาคารกลางออสเตรเลีย ธนาคารกลางอินเดีย และมีรายงานผลในทางบวกของนโยบายดังกล่าว มีงานวิจัยทางด้านเศรษฐศาสตร์การเงินของ Brookings Institution และ Huchins center on Fiscal&Monetary Policy ยืนยันว่า การใช้นโยบายดอกเบี้ย 0% หรือ ใกล้ 0% ควบคู่กับการควบคุมให้อัตราดอกเบี้ยระยะกลางและระยะยาวอยู่ในระดับต่ำ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นแต่อาจจะมีความเสี่ยงเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นหรือภาวะเฟ้อสบู่ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการดำเนินนโยบาย Yield Curve Control ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางในการดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้

สำหรับกรณีที่ผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) เปิดเผยเอกสารการทำธุรกรรมของธนาคารทั่วโลกที่มีข้อสงสัยฟอกเงินโดยมี 4 ธนาคารของไทยอยู่ด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ ธปท. และสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อระบบสถาบันการเงินไทยได้ หลังวิกฤติปี 2540 เป็นต้นมา ธปท.เรียกขอรายงานข้อมูลธนาคารพาณิชย์แบบรายสัญญาเฉพาะธุรกรรมสินเชื่อเท่านั้นเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงในระบบสถาบันการเงินและดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีการดำเนินการได้เป็นอย่างดีตลอด ไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนธุรกรรมการโอนเงินยังไม่ได้เรียกบันทึกข้อมูลเป็นรายธุรกรรมในขณะนี้ แต่ ปปง. ต้องเป็นผู้กำกับดูแลและวิเคราะห์ความเสี่ยงเมื่อพบธุรกรรมการโอนเงินที่เข้าข่ายน่าสงสัย เช่น มีการโอนเงินปริมาณสูงมากกว่าปกติมากๆบ่อยๆโดยไม่มีที่มาที่ไป ธุรกรรมที่น่าสงสัยอาจพัวพันการทุจริตคอร์รัปชันในระดับประเทศหรือระหว่างประเทศได้ อย่างเช่น แม้สถาบันการเงินไทยไม่ได้ร่วมในขบวนการฟอกเงินแต่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินของกลุ่มทุจริตกองทุน 1 MDB ของมาเลเซียหรือการทุจริตคอร์รัปชันกรณีอื่นๆหรือการทำธุรกิจผิดกฎหมายการค้ามนุษย์หรือค้ายาเสพติดได้เสมอ 

ขณะที่เรื่องการเพิ่มทุนของบางแห่งของธนาคารพาณิชย์และธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆมีความจำเป็นและอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้าเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ต้องเตรียมรับมือกับปัญหาหนี้เสียที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสี่เป็นต้นไป หลายกิจการไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มเติมได้แล้วและจำเป็นต้องเพิ่มทุน หากพิจารณาในมุมของเศรษฐกิจมหภาค รัฐบาลอาจจำเป็นต้องเข้ามาเพิ่มทุนให้กับธนาคารรัฐบางแห่ง เพิ่มทุนให้กับธุรกิจอุตสาหกรรมบางส่วน การเพิ่มทุนต้องมีขนาดใหญ่พอและกว้างขวางพอจึงฟื้นเศรษฐกิจได้

เอกชนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศเมื่อได้รับการเพิ่มทุนแล้วต้องโอนกิจการมาเป็นของรัฐชั่วคราว เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจึงค่อยลดขนาดการถือหุ้นของรัฐหรือลดความเป็นเจ้าของของรัฐ หรือ แปรรูปกิจการดังกล่าวให้เป็นเอกชนผ่านกลไกตลาด การดำเนินมาตรการเงินการคลังแบบผ่อนคลายเต็มที่จึงมีความสำคัญต่ออนาคตเศรษฐกิจไทยมาก มาตรการที่เสนอนี้ต้องมีเป้าหมาย มีหลักเกณฑ์ มีกลไกกำกับดูแล รวมทั้ง ต้องมีการดำเนินการอย่างโปร่งใสและยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่เช่นนั้นแล้วจะก่อให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวกเอื้อประโยชน์อย่างมาก เกิดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมโหฬาร

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปอีกว่า หากธนาคารเพิ่มทุนได้ และ ไม่ได้พัวพันกับธุรกรรมการฟอกเงิน ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงกลางปีหน้า การเทขายหุ้นล่วงหน้าของนักลงทุนต่างชาติและโยกเงินออกจากตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะชะลอลงหากไม่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองและการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในวันที่ 14 ตุลาคมมีความเรียบร้อยไม่มีเหตุรุนแรง เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาสสี่ของไทยจะกระเตื้องขึ้นมากกว่าหลายประเทศจากการติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ต่ำ และกระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวมทั้งไทยยังคงมากกว่าภูมิภาคอื่นในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“อนุสรณ์” แนะมาตรการ “คนละครึ่ง” ควรให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนต่อปี

“อนุสรณ์” แนะยกเลิกหนี้ครัวเรือนบางส่วน

"อนุสรณ์" จี้ "ธปท." เลิกแนวคิด "อนุรักษ์นิยม" ชี้แก้วิกฤติเศรษฐกิจไม่ได้