สคร.ถก “อาคม”ปรับแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจปี2564

19 ต.ค. 2563 | 01:57 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2563 | 10:17 น.

สคร.เล็งปั้มโครงการใหม่ขยายโครงการเดิมต่อลมหายใจเศรษฐกิจ ด้าน “อาคม”สั่งปลัดคลังตั้งคณะทำงานติดตามเบิกจ่าย

สคร.ถก อาคม ปรับแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจปี 2564 เกิน 2.91 แสนล้าน เล็งปั้มโครงการใหม่ ขยายโครงการเดิม ช่วยต่อลมหายใจเศรษฐกิจ และจ้างงานปีหน้า ด้านอาคม สั่งปลัดคลัง ตั้งคณะทำงานติดตามเบิกจ่าย 

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สคร.จะมีการประชุมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอการปรับแผนกรอบลงทุนเบิกจ่ายรัฐวิสาหกิจปีงบ 2564 โดยจะมีการปรับแผนการเพิ่มลงทุนให้มากกว่าเดิมที่กำหนดไว้ 2.91 แสนล้านบาท ตามนโยบายของนายอาคม ที่ต้องการให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงานในปีหน้า 

“ที่ผ่านมา ครม.ได้เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบ 2564 แล้ว มีวงเงินดำเนินการ 1.51 ล้านล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 2.91 แสนล้านบาท ซึ่ง สคร.จะนำแผนไปหารือกับรมว.คลัง โดยคาดว่าแผนการลงทุนใหม่จะไม่น้อยกว่าเดิม แต่จะเพิ่มเท่าไรต้องรอการหารือก่อน ซึ่งการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอาจมีทั้งการผลักดันโครงการลงทุนเข้ามาใหม่ หรือโครงการเดิมที่มีอยู่ให้มีการลงทุนเร็วขึ้น ตลอดจนการเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนให้ได้ตามแผน เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินลงทุนเข้าระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด นอกจากนี้จะมีการหารือถึงแผนผลักดันโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ในปี 2564 ด้วย” 
 

สำหรับแผนลงทุนรัฐวิสาหกิจในปี 2564 มีการดำเนินโครงการสำคัญ 16 โครงการ เช่น โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานนานชาติภูเก็ต–ห้าแยกฉลอง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการเพิ่มความสามารถในการจ่ายไฟด้วยสาเคเบิลใต้น้ำให้เกาะต่างๆ ที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น โดยกำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 95% ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน 
 

ด้านนายอาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง จัดตั้งคณะกรรมการเร่งรัดเบิกจ่ายการลงทุนของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจให้เสร็จใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยการจัดตั้งคณะทำงานชุดนี้จะเข้ามาติดตามการเบิกจ่าย ตรวจสอบการใช้จ่าย ความก้าวหน้าของโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะการลงทุนรัฐจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่คอยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ในปี 2564 

ทั้งนี้ การผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็น 1 ใน 4 นโยบายสำคัญที่คลังจะต้องเร่งทำ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ การแก้ปัญหาสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ การฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ต้องดูแลทั้งระบบ เพราะการเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐที่มีสัดส่วน 20%ของจีดีพี ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณ และผลักดันงบล้างท่อเพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-"เศรษฐกิจไทย" ถูกจี้เป็นตัวประกัน กระตุก ม็อบคณะราษฎร ฟังเสียงคนเดือดร้อน

-www.คนละครึ่ง.com เปิดรายละเอียด 7 ขั้นตอนสมัครเข้าร่วมโครงการสำหรับร้านค้า