หุ้นแบงก์คึกคัก ขานรับธปท.ไฟเขียวจ่ายปันผล

13 พ.ย. 2563 | 03:38 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2563 | 10:40 น.

หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นยกแผง รับข่าวดีแบงก์ชาติประกาศให้จ่ายปันผล โบรกมองเป็นบวก แต่ปันผลธนาคารขนาดใหญ่-กลาง ไม่เด่น

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง ปรับเพิ่มขึ้นหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินผล stress test พบว่าทุกธนาคารมีเงินกองทุนแข็งแกร่งเพียงพอ ในช่วงปี 2563- 2565 รองรับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงกำหนดให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานปี 2563 ได้ โดยจ่ายได้ไม่เกินอัตราการจ่ายปันผล(Dividend Payout Ratio) เดิมของแต่ละสถาบันการเงินในปี 2562 และต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิปี2563 นอกจากนี้ ยังห้ามซื้อหุ้นคืน ไถ่ถอน หรือซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 หรือขั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์จะไถ่ถอนหรือซื้อคืนตราสารหนี้ดังกล่าวเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ขอให้จัดทำแผนการระดมทุนหรือออกตราสารหนี้ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนได้ทดแทนเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนไว้

สำหรับราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้ง 10 แห่ง ณ เวลา 10.25 น. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) อยู่ที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.52%, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) อยู่ที่ 92.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 1.94%, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) อยู่ที่ 115.00 บาทเพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.77% , ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) อยู่ที่ 1.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 2.04% 

ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) อยู่ที่ 10.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 1.52%, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) อยู่ที่ 42.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.01%, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) อยู่ที่ 23.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 0.87% และธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) อยู่ที่ 0.57 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 1.79% ส่วนบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) อยู่ที่ 73.00 บาท และบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) (LHFG) อยู่ที่ 0.98 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ภาพรวมมองว่าคลายความกังวลต่อกลุ่มธนาคารและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกครั้ง หากพิจารณาจากข่าวข้างต้นประเมินเป็นลบเล็กน้อยกับธนาคารที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลเกิน 50% ของกำไรสุทธิ อย่าง KKP ที่ปี 2562 จ่าย 60% ของกำไรสุทธิ และTISCO จ่ายเงินปันผลในอัตรา 85% ในขณะที่ BAY จ่าย 19%, BBL จ่าย 37%, KTB จ่าย 36%, SCB จ่าย 47% ไม่รวมเงินปันผลพิเศษ 0.75 บาทต่อหุ้น, KBANK จ่าย 30.9% และ TMB จ่ายประมาณ 27% มีอัตราการจ่ายขั้นต่ำที่ต่ำกว่า จึงไม่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดดังกล่าว

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานกลุ่มในปี 2563 ที่อ่อนตัวจากปี 2562 ค่อนข้างมาก ทำให้เงินปันผลสำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ – กลาง ไม่ได้เป็นจุดเด่นมากนัก อีกทั้งไม่ได้คาดหวังการจ่ายเงินปันผลในปี2563 จากกำไรที่ลดลงจากปีก่อน โดยสมมติฐานของฝ่ายวิจัยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ อยู่ที่ประมาณ25% - 30% ของประมาณการกำไรสุทธิ สอดคล้องกับเกณฑ์ของธปท. 

สำหรับ TISCO แม้อัตราการจ่ายเงินปันผลลดลงเหลือ 50% ในกรณีที่กำไรปี 2563 ตามคาด อิงอัตราการจ่ายเงินข้างต้นที่ 50% คิดเป็นเงินปันผลต่อหุ้นที่ 3.7 บาทต่อหุ้น เทียบเท่า Div yield ประมาณ 5% มองว่าน่าสนใจ และปี 2564 บนกรณีที่ ธปท. ผ่อนข้อจำกัดเรื่องเงินปันผล คาด Div yield อยู่ที่ประมาณ 9% ส่วนKKP สมมติฐานกำหนดอัตราการจ่ายที่ 49% ของกำไรสุทธิปี 2563 ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์จ่ายตามเกณฑ์ธปท. คิดเป็น Div yield ประมาณ 6%     

ขณะเดียวกัน แนะนำ BBL จากคุณภาพสินทรัพย์ค่อนข้างปลอดภัยในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่คาด Div yield ปี 2563 ประมาณ 2.2% สมมติฐานการจ่ายเงินปันผล 25% ของกำไรสุทธิ ตามด้วยKBANK แม้ราคาเกิน FV แต่แนะนำ Trading จากการตั้งสำรองในช่วง 9 เดือน ปี 2563 ที่สูงพอสมควรส่วน TISCO หากราคาย่อตัวมาเป็นโอกาสสะสมสำหรับลงทุน คาดหวัง Div yield ประมาณ 9% ในปี2564