นายวศิน วณิชย์วรนันท์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนกล่าวในหัวข้อ "บริหารเงินอย่างไร? ภายใต้เศรษฐกิจผันผวน ในเวทีสัมมนา Wealth Forum;ลงทุนอย่างไรให้รวย ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
นายวศินระบุว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมปีนี้ติดลบ 11% ส่วนหนึ่งมาจากการปิดตัวของ 4 กองทุนตราสารหนี้ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งผลจากการปิดตัวของ 4 กองทุนตราสารหนี้ซึ่งเป็นบทเรียนสะท้อนความเสี่ยง โดยจะเห็นได้จาก 4 กองทุนตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ การลงทุนคุณภาพดี แต่เนื่องจากความไม่สมดุลของตลาด จากสภาพคล่องทางตลาดที่หดหาย ทำให้คนถือหน่วยลงทุนพยายามไถ่ถอนก่อนครบกำหนดและกดให้ราคาตกต่ำในช่วงนั้น ขณะที่ปัจจุบัน 4 กองทุนสามารถคืนเงินได้เกือบ 100%
"4 กองทุนตราสารหนี้ที่ปิดไปนั้น ส่วนใหญ่เป็นกองทุนระยะสั้นและระยะกลางประมาณ 6-7เดือน ซึ่งตลาดหุ้นที่เคยตกไป 300จุด นั้น ในวันนี้จะเห็นภาพตลาดกลับขึ้นมาโดนติดลบ 10% ขณะที่ 4 กองทุนตราสารหนี้สามารถคืนเงินได้เกือบ100%"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลงทุนหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ อย่าดูแค่ดอกเบี้ย
ธอส.เตรียมให้ Cash Back สูงสุด 1,000 บาท กับลูกค้าชำระดี เป็นของขวัญปีใหม่
จับตาเทรนด์นักลงทุนสถาบันสำรองบิตคอยน์แทนเงินดอลลาร์
เศรษฐกิจ- ดอกเบี้ยขาขึ้นหนุนหุ้นกลุ่ม'วัฏจักรเศรษฐกิจ’ปี 64 โดดเด่น
สำหรับตลาดทุนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยมาจาก 3 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1.ตลาดเศรษฐกิจใหม่ที่มีแนวโน้มจะกลับมาเติบโต6%ในระยะถัดใหม่ ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ดีกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้ว จากที่ผ่านมาตลาดเกิดใหม่มีอัตราเติบโตช้ากว่าและติดลบ4%
2.ตลาดหุ้นสหรัฐยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวม และ 3.การผ่อนคลายทั้งการดำเนินนโยบายการเงินและการคลัง
นายวศินกล่าวว่า มองไปข้างหน้าทีมการลงทุนจึงควรให้น้ำหนักการกระจายการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะพยายามเน้นจัดพอร์ตการลงทุนให้สะท้อนภาพความต้องการในอนาคต พร้อมให้คำแนะนำว่า ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน 2 ทางเลือก คือการลุงทุนผ่านบริษัทจัดการลงทุน หรือ ที่ปรึกษาด้านการ บริหารความมั่งคั่ง( Private banking) และการเลือกลงทุนเอง
ยกตัวอย่าง แผนการลงทุนที่คำนึงถึงผลตอบแทนเป้าหมายFIT Mซึ่งสามารถกระจายสินทรัพย์ได้แต่ในพอร์ตต้องเลือกลงทุนในหุ้นต่างประเทศ50%ทั้งนี้เพื่อผลตอบแทนเป้าหมายที่ 5.5%ภายใต้ระยะเวลาการลงทุน 3 ปีขึ้นไปหรือFIT L ที่สามารถกระจายสินทรัพย์ผลตอบแทนที่ระดับ 7 %โดยลงทุนในหุ้นต่างประเทศ40%