นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยว่า บล.ทิสโก้คาดว่า หุ้นที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุดจากการ ล็อกดาวน์จ.สมุทรสาคร 2 สัปดาห์ หลังการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ คือ หุ้นที่มีที่ตั้งและธุรกิจอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจากการตรวจสอบมี 13 บริษัท เช่น ASIAN, EKH, M-CHAI, VIH คิดเป็น 2% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้ง SET และ mai ทั้งหมดที่มี 808 ราย ขณะที่รายได้และยอดขาย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.3% และ 0.4% ของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 9 เดือนของปี 2563
อย่างไรก็ตาม คาดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อเนื่องต่อบรรยากาศการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ คือ กลุ่มค้าปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้า ได้แก่ CPN, CRC, HMPRO, GLOBAL, BJC, MAKRO และ DOHOME ในพื้นที่ถูกสั่งปิดชั่วคราว สำหรับร้านสะดวกซื้อ ได้แก่ CPALL เปิดได้ แต่ให้ปิดในช่วงกลางคืน รวมทั้งกลุ่มร้านอาหาร เช่น M, ZEN, AU และ OISHI มีผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้โดยรวมเฉลี่ยราว 1-2% เท่านั้น แต่วัตถุดิบอาหารอาจเป็นบวกเล็กน้อย (RBF) จากการกักตุนอาหาร
ส่วนกลุ่มเกี่ยวข้องการท่องเที่ยวและเดินทาง เช่น BDMS, BH, AOT, AAV, CENTEL, ERW และ MINT ได้รับผลกระทบเช่นกันจากความระมัดระวังของประชาชนในการเดินทาง ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดว่ารุนแรงยาวนานเพียงใด และกลุ่มแบงก์โดยรวมที่อ่อนไหวกับเศรษฐกิจอาจเผชิญแรงขายระยะสั้นด้วยจากความกังวลเกี่ยวกับ NPL
สำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัย และหุ้นเทคโนโลยีตามกระแส New Normal จะได้ประโยชน์ อาจมีแรงเก็งกำไรในระยะสั้น เช่น STGT, STA, HANA, KCE, COM7, ILINK, JMT, SIS และ SYNEX รวมทั้งการขายประกัน เช่น TQM และ BLA
ทั้งนี้บล.ทิสโก้คาดว่า การแพร่ระบาดรอบใหม่ จะกดดันบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเฝ้าระวังไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย คาด SET Index จะตอบสนองด้วยการปรับตัวลงราว 2-3% ทดสอบแนวรับบริเวณ 1,440-1,450 จุดแต่คาดว่าจะเป็นจังหวะดีในการทยอยสะสม/ซื้อคืน หลังจากที่แนะนำให้นักลงทุนระยะสั้นทยอยขายช่วง SET Index ขึ้นเข้าใกล้บริเวณ 1,500 จุดมาโดยตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้ว
“เรามองว่า เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว และยังให้น้ำหนักน้อยมากที่จะเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 เป็นวงกว้าง จนนำไปสู่การล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ขณะที่แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้า(Fund Flows)ปีหน้า มองยังเป็นบวกอยู่ จากแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้งในไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไป น่าจะหนุนหุ้นไทยปรับขึ้นได้อีกในระยะถัดไป มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทะลุระดับ 1,500 จุดในต้นปีหน้า ฉะนั้น นักลงทุนระยะกลาง ยังแนะนำถือทนแกว่ง และหาจังหวะสะสมเพิ่ม”นายอภิชาติกล่าว
ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ ยังชอบหุ้นกลุ่มวัฎจักร (Cyclicals) จะขึ้นนำตลาดในปีหน้า จากประโยชน์ที่ได้รับจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและวงจรเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่า สำหรับ หุ้น Big Cap แนะนำ BAM, BBL, BDMS และ PTTGC และ หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก (Mid-to-Small Cap) แนะนำ AEONTS, TWPC และ WHA สำหรับหุ้นปันผล แนะนำ INTUCH, KKP, LH, NYT, PROSPECT และTVO
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หุ้นไทยเปิดภาคเช้าดิ่งหนัก กังวลโควิดระบาดรอบใหม่
TU พบพนง.ติดโควิด 1 ราย ประเมินหากปิดรง.มหาชัยชั่วคราวกระทบน้อย
แบงก์แห่ปิดสาขา “สมุทรสาคร-สมุทรปราการ" ชั่วคราว หนีโควิดระลอกใหม่
ล็อกดาวน์สมุทรสาคร สะเทือนหุ้นค้าปลีก