FCAอังกฤษเตือนแมงเม่าระวังหมดตัวกับ "บิตคอยน์"

12 ม.ค. 2564 | 00:59 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ม.ค. 2564 | 01:37 น.

สำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ ( FCA )ออกโรงเตือน ผู้ลงทุนในบิตคอยน์มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด หลังบิตคอยน์ร่วงต่อเนื่องหลุดต่ำกว่าระดับ 33,000 ดอลลาร์


สำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (FCA) ออกคำเตือนว่า ผู้ที่ลงทุนใน"บิตคอยน์" มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด
 

"FCA มีความตระหนักว่า บริษัทบางแห่งกำลังเสนอการลงทุนในรูปสกุลเงินคริปโต หรือปล่อยกู้ หรือให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งถ้าผู้บริโภคเข้าลงทุนในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ก็ควรเตรียมตัวที่จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด" FCA ระบุ

 

พร้อมเตือนให้นักลงทุนควรระวังหากได้รับการติดต่อ และกดดันให้เข้าลงทุนอย่างรวดเร็ว หรือมีการให้สัญญาที่ฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นจริง
        

FCA ออกแถลงการณ์ดังกล่าว ท่ามกลางความผันผวนในตลาดสกุลเงินดิจิทัล โดยการร่วงลงของบิตคอยน์ส่งผลให้มูลค่าตลาดของสกุลเงินคริปโตหายไปราว 1.7 แสนล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 9.6 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากทะยานขึ้นเหนือระดับ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้
         

บิตคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 33,000 ดอลลาร์ ( 11 ม.ค. )หลุดระดับ 1,000,000 บาท หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ 42,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
          

นักวิเคราะห์ระบุว่า บิตคอยน์ได้รับผลกระทบจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์แข็งค่า
          
ล่าสุด ณ เวลา 21.35 น.วันที่ 11 ม.ค. 64 ตามเวลาไทย บิตคอยน์ดิ่งลง 4,702 ดอลลาร์ หรือ 12.51% สู่ระดับ 32,882.75 ดอลลาร์ หรือราว 986,460 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ Coinbase 
         

อย่างไรก็ดี บิตคอยน์ยังคงพุ่งขึ้นมากกว่า 300% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
         

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญพากันเตือนว่า การทะยานขึ้นของบิตคอยน์จะสะดุดลง หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากก่อนหน้านี้ โดยนายนูเรล รูบินี หรือ ดร.ดูม ผู้ที่เคยทำนายวิกฤติซับไพร์มได้อย่างถูกต้องเมื่อทศวรรษที่แล้ว และนายปีเตอร์ ชิฟฟ์ นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ มองว่า บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์เก็งกำไรที่ไม่มีมูลค่าในตัวเอง และฟองสบู่บิตคอยน์จะระเบิดออกในที่สุด
         

ส่วนนายแมทท์ มาลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทมิลเลอร์ ทาบัค กล่าวว่า บิตคอยน์อาจดิ่งลง 25-30% ในช่วงต้นปีนี้
         

"บิตคอยน์จะดีดตัวต่อไปในระยะสั้น และผมก็มั่นใจในระยะยาว แต่ในระยะกลาง ผมมีความวิตกมากกว่าคนอื่น" เขากล่าว            

 

อย่างไรก็ตามทางด้านนายนิโคลัส ปานิเกอร์โซโกล นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ในระยะยาวบิตคอยน์มีแนวโน้มทะยานขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้บิตคอยน์มีแนวโน้มแข็งแกร่งมาจากการที่นักลงทุนเริ่มกระจายการลงทุนด้วยการเข้าซื้อบิตคอยน์ นอกเหนือไปจากการซื้อทองคำในช่วงที่ผ่านมา
         

การดีดตัวของบิตคอยน์ในครั้งนี้แตกต่างจากในปี 2560 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด เช่น พอล ทิวดอร์ โจนส์ และสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ โดยแตกต่างจากในปี 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย
         

นอกจากนี้บิตคอยน์ยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ทำให้สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง โดยเฉพาะดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก
         

โดยมองว่าบิตคอยน์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งนักลงทุนจะแห่เข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตื่นตระหนก  ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังใช้บิตคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจากการที่รัฐบาลต่างๆมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

 

ซีไอเอส เตือน ‘บิทคอยน์’ เสี่ยง ปรับฐานลง